• ทำความรู้จัก "คาปิบารา" สัตว์ฟันแทะ ที่ชื่นชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
  • หนูยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเพื่อนต่างสายพันธุ์เป็นจำนวนมาก จนได้รับการขนานนามว่า "เก้าอี้ธรรมชาติ"
  • แม้จะดูเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมเป็นมิตร แต่ "คาปิบารา" ก็ยังมีศัตรูตามธรรมชาติ จึงต้องใช้ชีวิตโดยอาศัยความว่องไวและตื่นตัว เพื่อให้ปลอดภัยจากสัตว์นักล่า

เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ครองใจชาวโซเชียลในช่วงนี้ เพราะไม่ว่าจะเลื่อนไปทางไหน เราก็จะเจอกับเจ้า "คาปิบารา" หรือที่บางคนเรียกชื่อเป็นภาษาไทยว่า "กะปิปลาร้า" พร้อมตั้งฉายาใหม่ล่าสุดเป็น "หมามะพร้าว" และ "หมากีวี" เนื่องจากมีลักษณะขนและสีผิวที่คล้ายกับ ผลมะพร้าวและลูกกีวี

ส่วนสาเหตุที่ทำมันกลายเป็นขวัญใจโซเชียล ก็คงเป็นเพราะเจ้าสัตว์ขนฟูสี่ขาตัวนี้ ชอบทำหน้าตามึนๆ ไม่สนใจโลก แต่มีความเป็นมิตรที่สามารถอาศัยอยู่กับสัตว์อื่นได้ ดังจะเห็นได้จากภาพที่แชร์ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่นกับนก นั่งกอดแมว นอนหนุนหลังเต่าตัวใหญ่ รวมถึงนอนอาบแดดข้างจระเข้ ที่ทำให้เราอดเอ็นดูไม่ได้

...

นอกจากเจ้าคาปิบาราจะมีหน้าตาและอุปนิสัยที่ดูเป็นมิตรแล้ว หากได้ทำความรู้จักหรือศึกษามันมากยิ่งขึ้น จะพบว่ามันจัดเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่มีความน่าสนใจ

รู้จัก "คาปิบารา" สัตว์ฟันแทะ ที่ชื่นชอบน้ำ

คาปิบารา หรือ Capybara ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ (Hydrochoerus hydrochaeris) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประเภทสัตว์ฟันแทะ ในวงศ์ Caviidae มีลำตัวรูปร่างคล้ายหมู หรือหนูตะเภาตัวใหญ่ มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือและตอนกลางของอเมริกาใต้ ในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบพื้นที่ป่าดิบชื้น หรือทุ่งหญ้า และป่าโปร่งสะวันนา

ลักษณะร่างกายของคาปิบารา เป็นการวิวัฒนาการของสัตว์บกที่อาศัยอยู่ในน้ำ คือ มีแผ่นหนังระหว่างนิ้วเท้า เพื่อการเคลื่อนที่ในน้ำและพื้นโคลน ตาและจมูกที่มีขนาดใหญ่วางอยู่ด้านบนของหัว เพื่อช่วยให้สามารถเห็นพื้นที่รอบข้าง และหายใจในช่วงการว่ายน้ำ มีขนเส้นเล็กหยาบ ช่วยให้ตัวแห้งไวเมื่อขึ้นจากน้ำ

นอกจากนี้ คาปิบารายังจัดเป็นสัตว์บกที่ว่ายน้ำเก่ง สามารถดำน้ำได้นานถึง 5 นาที ทั้งยังชอบนอนแช่น้ำทั้งวัน แม้ในเวลาขับถ่าย หรือผสมพันธุ์ จะขึ้นจากน้ำก็ต่อเมื่อออกหาอาหารในช่วงเช้าและเย็นเท่านั้น

"คาปิบารา" หนูยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

คาปิบารา มีอายุขัยเฉลี่ย 6-12 ปี ซึ่งจะโตเต็มวัย เมื่ออายุประมาณ 18 เดือน โดยมีความสูงช่วงไหล่เฉลี่ย 50 ซม. ความยาวจากปลายจมูกถึงโคนหาง เฉลี่ย 130 ซม. น้ำหนักตัวอยู่ในช่วง 35-70 กิโลกรัม ด้วยรูปร่างที่เล็ก ลำตัวสั้น ขนาดและน้ำหนักตัวที่มาก จึงทำให้ "คาปิบารา" จัดเป็นสัตว์ฟันแทะ หรือหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

สัตว์สังคมที่อยู่เป็นฝูง และมีเพื่อนต่างสายพันธ์ุจำนวนมาก

คาปิบารา จัดเป็นสัตว์สังคม เพราะมันมักอยู่รวมกันเป็นฝูง หรือรวมครอบครัว ประมาณ 10-20 ตัว บางครั้งอาจพบรวมกันมากถึง 100 ตัว โดยมีเพศผู้เป็นจ่าฝูง ส่วนตัวผู้อันดับรองจะต้องอยู่นอกวงของฝูง เพื่อคอยเตือนภัยให้สมาชิกในฝูง ได้แก่ เหล่าตัวเมียและลูกๆ หากมีผู้ล่าหรือศัตรูใกล้เข้ามา ตัวผู้ที่อยู่นอกวง จะส่งสัญญาณโดยการเห่าเตือนภัย และป้องกันอันตรายให้กับฝูง จึงทำให้มันมักตกเป็นสัตว์เหยื่อของสัตวผู้ล่า เช่น หมาจิ้งจอก หรือแร้ง

นอกจากนี้ เจ้าคาปิบารา ยังสามารถอยู่กับสัตว์ชนิดอื่นๆ ได้อย่างเป็นมิตร จากภาพที่เราเห็นตามโซเชียล ที่สัตว์ต่างๆ มักจะมาเกาะอยู่บนตัวมัน โดยมีความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกัน อย่างเช่น นก Yellow-headed caracara ที่จะช่วยกินแมลงต่างๆ ระหว่างที่ยืนอยู่บนหลังของคาปิบารา จนมีคนเรียกชื่อว่า "เก้าอี้ธรรมชาติ"  

ตื่นตัวอยู่ตลอด เพื่อหนีศัตรูทางธรรมชาติ

หลายคนคงเคยเห็นภาพของคาปิบารา ที่นอนแช่น้ำเล่นอย่างสบายใจในสวนสัตว์ หรือวิ่งเล่นกับสัตว์อื่นๆ ในฟาร์มเลี้ยงเพาะพันธุ์ จนหลงคิดว่าพวกมันไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ หรือไม่จำเป็นต้องหนีสัตว์นักล่า

แต่อันที่จริงแล้ว เจ้าหนูยักษ์เหล่านี้ที่มีอยู่มากมายในประเทศแถบอเมริกาใต้ ก็มีศัตรูตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น จระเข้เคแมน เสือจากัวร์ อนาคอนดา นกอินทรีฮาร์ปี เสือพูมา งูเหลือม จิ้งจอก และนักล่าบนท้องฟ้าอย่าง คาราการา และแร้งดำ

พวกมันจึงต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงหากิน ดังนั้นทำให้คาปิบารา ไม่มีเวลาตายตัวในการหาอาหาร สามารถหากินได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ยิ่งในช่วงที่คลอดลูกออกใหม่ๆ แม่คาปิบาราจะต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง โดยเฉพาะตัวที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น จะต้องคอยพาหลบตามพุ่มไม้ เพื่อป้องกันพวกนักล่า แต่ "คาปิบารา" ก็ยังจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์

จะเห็นได้ว่า แม้คาปิบาราจะเป็นสัตว์ที่ดูเป็นมิตร หรือมีหน้าตาไม่สนใจโลก มันก็ยังต้องมีการปรับตัวไปตามสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นในสวนสัตว์ หรือในธรรมชาติที่เป็นแหล่งกำเนิด เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างปลอดภัย ตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์ 

สำหรับใครที่อยากจะไปลองสัมผัส หรือทำความรู้จักกับเจ้าคาปิบาราตัวเป็นๆ ในประเทศไทย ก็มีสถานที่ที่เราสามารถแวะไปชมความน่ารักของน้องได้ ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว แสะสวนสัตว์ข่อนแก่น

หากไม่สะดวก ก็ยังสามารถรับชมความน่ารัก ผ่านทางเพจ ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง หรือ ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก เที่ยวขอนแก่น Khonkaen Exotic Pets & The fountain Show ที่จะมีการอัปเดตความน่ารักของเหล่าคาปิบารา และสัตว์นานาชนิดให้ทุกคนได้คอยติดตามกันอีกด้วย.

ผู้เขียน : PpsFpam

กราฟฟิก : Anon Chantanant

อ้างอิงข้อมูลจาก องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และ Nationalgeographic