#มิสแกรนด์กับอนาคตการเมืองไทย ร้อนระอุ ชอตเด็ด "เฌอเอม" ขึ้นเวทีเมมเบอร์ให้ "ไพบูลย์" ขณะที่ตัวแทนพลังประชารัฐ มั่นใจ 100% ยังไงก็เป็นรัฐบาล

วันที่ 17 มี.ค. 2566 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ สำหรับกิจกรรมงาน "มิสแกรนด์ กับอนาคตเมืองไทย หลังเลือกตั้งปี 66" ที่จัดขึ้น ณ MGI Hall ชั้น 6 ศูนย์การค้า Show DC ตลอดทั้งวันนี้ โดยเป็นการเชิญตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมพูดคุยตอบปัญหากับสาวงามมิสแกรนด์ในแต่ละจังหวัด จนทำให้แฮชแท็ก #มิสแกรนด์กับอนาคตการเมืองไทย พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์

โดยไฮไลต์ที่หลายคนพูดถึงนั้น อยู่ในช่วงของการพูดคุยของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ขึ้นเวทีมาพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าจะมีนโยบายเพื่อประชาชนอย่างไร โดยมีผู้เข้ามาชมเป็นจำนวนมาก



ทั้งนี้ นายไพบูลย์ เผยว่า สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ลุงป้อม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เขียนไว้ในหนังสือว่า การเมืองที่ต้องไม่มีคือ ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด และไม่มีฝ่ายใดที่ต้องแพ้ราบคาบ ถ้าจำเป็นเร่งด่วน ต้องช่วยกันฟื้นฟู แม้จะพูดไม่เก่ง แต่มีหัวใจที่จะยอมรับความเห็นต่างทางความคิด เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น จึงต้องเคารพต่อเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนด้วยความเชื่อมั่นว่า ประเทศจะเดินหน้าด้วยการปกครองระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และย้ำด้วยว่า ขอให้เชื่อในตัวท่าน เหมือนที่ท่านเชื่อในตัวเองว่า หัวใจท่านใหญ่พอและมาก้าวผ่านความขัดแย้งไปด้วยกัน

"เราจะอยู่กับความเห็นต่างที่มีมาก ด้วยความเห็นชอบ ไม่ใช่เห็นชอบกับสิ่งที่ตัวเองคิด" คือไม่ใช่ยึดแต่ความคิดของตัวเอง แล้วมองว่าฝ่ายอื่นผิดไปซะหมด ปัจจุบันคือ แก้ไขอดีตที่ล้มเหลว เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า 

ในท้ายของบทสรุปนั้น คือ 8 ปี ที่ผ่านมา สอนให้รู้ว่า อะไรที่ดีกว่าเดิมเพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เป็นสิ่งที่ควรทำ และต้องทำด้วยวิธีคิดใหม่ๆ เพราะการคิดจะได้สิ่งใหม่ๆ แต่ทำวิธีเดิม ไม่น่าจะได้ผล สิ่งที่คิดจะถูกหรือผิด ประชาชนเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสิน 

...



อย่างกรณีของ ป้านา ที่ จ.ราชบุรี พล.อ.ประวิตร เองให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เห็นด้วยที่มีการปิดปากคนเห็นต่าง และบุคคลสาธารณะต้องรับฟังให้มากโดยเฉพาะความเห็นต่าง และการใช้กำลัง ซึ่งปัญหาความแตกแยกนั้น มีมานานเกินไปแล้ว อยากให้แต่ละฝ่ายรับฟังกันมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยความเรียบร้อย 

ขณะที่ ไฮไลต์ที่กลายเป็นกระแส แฮชแท็ก #มิสแกรนด์กับอนาคตการเมืองไทย พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์นั้น อยู่ในช่วงที่ พัช พัชรินทร์ มะลิเลาะ ถามนายไพบูลย์ ว่า ตั้งแต่ที่ตนนั่งฟังมา ยังไม่เห็นว่า นโยบายของพรรคจะทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร โดย นายไพบูลย์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้คือ นานาจิตตัง และต้องถามว่า น้องมีพื้นฐาน ความต้องการอย่างไร และเราสามารถทำประโยชน์อย่างไรให้ได้บ้าง ขณะที่ในภาพรวม แต่ละนโยบายอาจต้องไปดูว่า ประชาชนได้อะไร ซึ่งนโยบายที่ออกมา อาจจะโดนใจประชาชนบางกลุ่ม และไม่โดนใจบางกลุ่ม อย่างเรื่องลุงป้อม 700 ก็มีบางคนเห็นด้วย แต่บางกลุ่มที่ไม่ได้สิทธิ์ส่วนนี้ เขาก็อาจจะเดือดร้อน แต่เราก็ไปหาทางช่วยในเรื่องอื่นต่อ อาทิ กลุ่มที่ขับวินมอเตอร์ไซค์ อาจจะลดค่าน้ำมันเบนซินให้ 18 บาท และเริ่มได้ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล

โดย บอสณวัฒน์ ถามว่า แล้วตอนนี้เป็นรัฐบาล ทำไมปล่อยให้น้ำมันและแก๊สหุงต้มขึ้นจนเละเทะขนาดนี้ ซึ่งนายไพบูลย์ อธิบายว่า ผมหมายความว่า ต้องให้ลุงป้อมเป็นนายกฯ ก่อน ส่วนที่เป็นอยู่ตอนนี้เพราะลุงตู่ไม่ลง ลุงตู่ไม่ลด แล้วทำไมผมต้องไปรับผิดชอบกับลุงตู่ด้วย มันไม่เป็นธรรมกับผม

ทั้งนี้ บอสณวัฒน์ ถามต่อว่า แล้วทำไมไม่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้เกิดการผสมใหม่ แม้กระทั่งลุงป้อมยังยืนเคียงข้างลุงตู่จนถึงวินาทีนี้ ซึ่ง นายไพบูลย์ บอกว่า ตอนนี้ลุงตู่ก็ไปแล้ว ไม่ได้อยู่พลังประชารัฐแล้ว หากพูดว่าอะไร ผมไม่รับผิดชอบ ซึ่งตนมองว่า ก็อยู่ในระบอบ และนี่ก็กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการจับมือหลังบ้านกันระหว่าง ลุงป้อม และ ลุงตู่ อยู่แน่นอน ส่วนที่บอกว่า เราจะทำตามสัญญานั้น เป็นคำพูดของลุงตู่ ไม่ใช่ลุงป้อม

(ตั้งแต่ นาทีที่ 1:26:00 เป็นต้นไป)


ตามมาด้วย เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน ได้ถามเกี่ยวกับประเด็นการเมือง โดย เฌอเอม ถามถึงประเด็น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ที่เสนอผ่านขั้นแรกไปเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่โดน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งเลื่อนไปอีก

พร้อมถามต่อว่า การสูญหาย ความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ซึ่งเกิดขึ้นมากที่สุดในยุครัฐประหาร แต่ต่อมาเป็นยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ทราบว่าหากพรรคของท่านได้เป็นตัวแทนในสมัยหน้า จะทำอย่างไรในการเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและทุกคนในสังคมที่เจ็บช้ำมีบาดแผลของคณะท่านตั้งแต่วันปฏิวัติรัฐประหารเป็นต้นมา ท่านจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกว่า ถ้าเลือกท่านแล้วจะไม่มีการถูกใช้ความรุนแรงอีก ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม เบื้องหน้า เบื้องหลัง และหากมีการประกาศเจตนารมณ์ในเรื่องนี้ออกมาแล้ว ช่วยแท็ก มิสแกรนด์ไทยแลนด์ด้วย เพื่อให้ทุกคนทราบ

นายไพบูลย์ ระบุว่า ตนก็คิดเหมือนกันว่า พ.ร.บ.อุ้มหาย เป็นเรื่องที่ตนก็อยู่ในกรรมการชุดที่ทำ พ.ร.บ.นี้ เรื่องเยียวยาเป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องเยียวยาให้เพียงพอ แต่ทางที่ดีคืออย่าให้เกิด โดย เฌอเอม ถามต่อว่า แล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ถูกกระสุนยางยิงตาบอด ผิดหลักสากล จะมีการรับผิดชอบอย่างไร นายไพบูลย์ บอกว่า นี่คือความขัดแย้งที่ทาง พล.อ.ประวิตร ต้องการแก้ปัญหา เราต้องการก้าวผ่านความขัดแย้ง ผมสนับสนุนในการเรียกร้องของประชาชน เพราะติดตามการชุมนุมมาตลอดตั้งแต่ปี 51 ซึ่งตนยังเป็นจำเลยในคดีกบฏ แต่ศาลยกฟ้อง ทำให้เห็นปัญหาในส่วนของประชาชนที่บาดเจ็บ เสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งการเมืองต้องทำสองอย่างคือ หนึ่งต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก และสองต้องเยียวยา



จากนั้น เฌอเอม ถามว่า แล้วไม่คิดหรือว่าอะไรมีค่าพอให้ประชาชนเอาชีวิตของตัวเองมาแลก หรือคิดว่าความขัดแย้งอยู่แค่ในหัว ไม่ได้อยู่ในชีวิตของคนอื่นเลย ดิฉันโดนแก๊สน้ำตายิงจากเจ้าหน้าที่รัฐ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ คาดว่าปี 2020 ท่านยังเป็นรัฐบาลอยู่ค่ะ ท่านคิดว่าทำไมดิฉันต้องออกไปให้โดนแก๊สน้ำตายิงด้วย นี่คือเสียงจากประชาชนที่ออกมาชุมนุมเพื่อบอกท่าน ไม่ได้บอกท่านทำให้พวกเขาเงียบ แต่เพื่อให้ท่านฟังประชาชน

ซึ่งระหว่างนั้นก็มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่ นายไพบูลย์ จบด้วยคำว่า นี่คือความเห็นต่าง ไม่อยากโต้เถียงด้วย แต่จะทำเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเฌอเอมก็บอกว่า สมัยหน้าอาจจะไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ได้ นายไพบูลย์ ตอบด้วยว่า มั่นใจ เพราะศึกษามาหมดแล้ว ผมประกาศเลยว่า มั่นใจยังไงพรรคพลังประชารัฐก็เป็นรัฐบาล 100% แต่ทั้งนี้ก็เป็นความมั่นใจของตน เฌอเอมจึงว่า ถ้าอย่างนั้นอยากฝาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเลื่อนขึ้นไปอีก ซึ่งนายไพบูลย์บอกว่า ผมรับปาก 

และว่า ถ้าครั้งหน้าเอมไปที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ทำเนียบรัฐบาล รบกวนเปิดตู้คอนเทนเนอร์ให้ตนด้วย เพราะไปมาหลายรอบแล้ว ไม่เคยผ่านตู้คอนเทนเนอร์เลย ซึ่งนายไพบูลย์ก็บอกว่า วันหลังโทรมานัดหมาย แล้วเข้าไปนั่งคุยกันในสภา

จังหวะนี้ เฌอเอม เลยบอกว่า ให้นายไพบูลย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ขออนุญาตบันทึกเบอร์ของตัวเองในโทรศัพท์ของนายไพบูลย์ด้วย.


ที่มาจาก ทวิตเตอร์