ผู้เสียหายร้องทุกข์ผูกบัญชีแอปฯ ซื้อสินค้า เจอภัยทางออนไลน์ ทำเงินหายเกือบล้าน ถามหาความรับผิดชอบจากใครได้บ้าง ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เร่งตรวจสอบและเจรจาเยียวยา

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับตัวแทนผู้เสียหาย 3 ท่านคือ คุณกิ๊ฟ คุณยุ้ย และคุณตั๊กกี้ 

คุณกิ๊ฟ ผู้เสียหายท่านแรก เผย ถูกแอปฯ ทำให้เข้าใจผิดว่าปลอดภัย จึงเอาบัญชีไปผูกไว้ สุดท้ายวันที่ 1-2 ธ.ค. เงินก็หายไปหมดบัญชี เพราะบอกว่าปลอดภัย มีคนตรวจสอบ 24 ชั่วโมง เงินเข้า-ออกจะมีการแจ้งเตือน จึงผูกบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งเป็นบัญชีรับเงินเดือน โดยปกติจะมีการให้รหัส OTP มาก่อน หากซื้อของ แต่รอบนี้ในวันที่ 3 ธ.ค. ไม่มีการแจ้งเตือนอะไรเลย เงินหาย จาก 50,000 เหลือ 400 บาท รู้ตัวอีกทีเงินก็หายหมด พอจะดูเข้าไปประวัติการสั่งซื้อ แอปฯ ก็เด้งออก จนเข้าได้เจอรายการซื้อสินค้า 9 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ที่แอปฯ เคยได้แจ้งไว้ และพบว่าเป็นร้านค้าที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ บอกว่าเจอเช่นเดียวกัน เมื่อได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ได้รับการแจ้งว่ามีการเปลี่ยนเบอร์โทรยืนยันข้อมูลในการซื้อสินค้า

...

ด้านคุณยุ้ย ผู้เสียหายรายที่ 2 กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 22.05 น. ของวันที่ 23 กันยายน โดนไปประมาณ 5 ยอด พอเจอแล้วรีบโทร.หาผู้จัดการธนาคาร เช็กแล้วพบว่า ถูกโอนไปที่แอปฯ ขายของ ตนจึงได้ติดต่อไปที่แอปฯ ขายของ แต่ติดต่อไปไม่ได้ เพราะอยู่นอกเวลาทำการซึ่งตรงกับวันหยุด พอเช้าวันที่เปิดทำการ ก็โทร.ติดต่อไป ปรากฏว่าแอปฯ ก็โยนกันไปมา ประมาณ 7-8 รอบ ซึ่งเงินตนหมดไป 26,089 บาท เช็กแล้วพบว่า ถูกโอนเข้าวอลเล็ต แต่ไม่รู้ว่าซื้ออะไรได้บ้าง ทั้งนี้ทางแอปฯ ก็สามารถตรวจสอบได้ หากซื้อของ ต้องมีรหัส OTP แต่นี้ไม่มีอะไรเลย ตนเองเป็นทั้งผู้ซื้อและขาย เงินที่ขายได้มาก็โดนดูดไปหมดเลย ซึ่งทางแอปฯ ก็บอกให้ไปติดต่อกับทางตำรวจ พอตำรวจให้ทางแอปฯ ส่งเอกสารเกี่ยวกับคดีมา แต่ทางแอปฯ ก็ไม่มีการดำเนินการอะไรกลับมาเลย

ขณะที่ คุณตั๊กกี้ ผู้เสียหายรายที่ 3 เผยว่า เมื่อประมาณ 16.00 น. วันที่ 14 พ.ย. 65 ขณะกำลังทำงานอยู่ มั่นใจว่าผูกบัญชีและแอปฯ ไว้ที่มือถือเครื่องเดียว ตนเองเป็นทั้งผู้ซื้อและขาย เพราะแอปฯ ให้ผูกไว้เพื่อรับเงิน และมีการเคลมว่าค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งตนเองเปิดไว้ซื้อขายสินค้าอย่างเดียว หลังจากนั้นเวลา 17.00 น. กำลังสแกนเงินซื้อของ พอเช็กบัญชีพบเหลือเงิน 40 บาท จาก 14,000 จึงรีบโทร.หาธนาคาร ได้รับแจ้งว่าแอปฯ ซื้อของหักบัญชีอัตโนมัติ 4 รอบ ซึ่งเป็นร้านเดียวกันกับคุณกิ๊ฟ คือซื้อเกมออนไลน์ จากนั้นจึงโทร.ที่แอปฯ ได้รับแจ้งมาว่ารับข้อมูลมาแล้ว สุดท้ายจึงถามว่า ขอเงินคืนจากผู้ขายได้ไหม เพราะตนเองไม่เคยซื้อ หรือสั่งเลย แต่คอลเซ็นเตอร์ก็ตอบมาไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่าได้ บ้างก็บอกว่ารอข้อมูลจะดำเนินการให้

คุณกิ๊ฟ เล่าต่อว่า ตนเองร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน เมื่อวานไปรอที่หลังตึกของแอปฯ คู่กรณี กว่า 3 ชั่วโมงเพื่อไปยื่นหลักฐานและข้อเรียกร้อง แต่กลายเป็นว่า ผลักภาระในการหามิจฉาชีพมาให้เราเอง เหมือนกำลังทำให้หลงประเด็น เพราะสิ่งที่เจอคือความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ๆ เราต้องเรียกร้องการเยียวยากับเงินที่สูญเสียไป ประเด็นหลักคือเราไม่ได้รับความปลอดภัยจากแอปฯ ในเมื่อเราไม่ได้โดนหลอก ได้เข้าหามิจฉาชีพ เช่นเดียวกับ คุณตั๊กกี้ที่บอกว่า ไม่ได้คำตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีระยะเวลากำหนด แค่เปลี่ยนแปลงการส่งเอกสาร ซึ่งเข้าไปแล้ว ทางแอปฯ ก็ไม่ได้รับปากว่าเอกสารจะเข้าระบบไหม บอกต้องรอเอกสารจากตำรวจ

สอบถาม นายปริญญา หอมอเนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เผยว่า หลอกลวงออนไลน์ฟิชชิ่งสแกม จะเป็นรูปแบบมิจฉาชีพส่งลิงก์มาหลอกลวง ให้เราใส่ยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด คือเราไปบอกแฮกเกอร์เอง แต่ไม่ใช่กรณีเพราะยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่สรุป ซึ่งกรณีของธนาคาร จะมีการแจ้งเตือนในสัญญาเสมอว่า หากลูกค้าแจ้งข้อมูลแฮกเกอร์เอง จะไม่มีการรับผิดชอบ

ทั้งนี้ผู้เสียหายจะต้องไปตรวจสอบหาหลักฐานยืนยันว่าถูกหลอกจริงหรือไม่ ซึ่งปกติจะมี SMS แจ้งเตือนทุกแฟลตฟอร์ม ขณะที่มัลแวร์ เป็นซอฟต์แวร์มุ่งร้าย หากเผลอไปคลิก จะคล้ายกับการถูกผีสิง คือไปควบคุมอุปกรณ์ในเครื่อง ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยมากเพราะทั้ง 3 ท่านใช้โทรศัพท์ในเครือของแอปเปิล โดยมีน้อยมากที่สามารถเจาะข้อมูลในระบบได้

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยว่า ได้ติดตามข่าวอยู่ และได้มอบหมายให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ ว่าแฮกเกอร์เข้ามาโจมตีที่เว็บหรือเข้าระบบโมบายแบงกิ้งของผู้เสียหาย ถ้าเป็นความผิดของแอปฯ แอปฯ ต้องรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ทางแอปฯ ช้อปปี้ก็เสียหายเช่นเดียวกัน หากเขาประมาทเอง เป็นอีกเรื่องต้องติดตามว่ารั่วไหลตรงไหน ในส่วนนี้ขอดูข้อมูลก่อนว่าจะติดตามต่อยังไง ส่วนเรื่องให้เงินคืน ต้องรอพอสมควร แต่จะลองคุยให้ หากเป็นเรื่องของมนุษยธรรมและการเยียวยา

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.