ครูสาวช้ำใจ วางแผนเตรียมจัดงานแต่งงาน สุดท้ายฝ่ายชายขอจบ อ้างอยากให้ไปเจอคนดี แต่กลับไปจดทะเบียนกับแฟนเก่า บอกไม่ต้องการอะไร แค่ให้เอาเงินค่ามัดจำงานแต่งมาคืนครอบครัว

วันที่ 30 พ.ย. 65 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นครูสาว ได้โพสต์ข้อความระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองและแฟนหนุ่ม ที่คบหากันมา และเตรียมที่จะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายจับได้ว่า ว่าที่เจ้าบ่าวแอบคบซ้อน และไปจดทะเบียนสมรสถ่ายพรีเวดดิ้ง เตรียมที่จะแต่งงานอีกเหมือนกัน โดยระบุว่า "ก่อน ครู ก. จะไปแต่งงานซ้อน จ่ายเงินคืนมัดจำต่างๆ ที่ครอบครัวน้ำสำรองจ่ายมาก่อนค่ะ

#ไม่เสียใจแต่เสียดายเงิน #ของครอบครัว คิดอยู่นานว่าจะโพสต์เรื่องนี้ดีไหม แต่ขี้เกียจตอบคำถาม ว่าน้ำเลิกกับ ครู ก.ทำไม ทั้งๆ ที่จะแต่งอยู่แล้ว เลยขอสรุปโพสต์เดียวจบเลยนะคะ ยาวหน่อยนะคะ บอกก่อนเบื้องต้นว่า ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆ มีหลักฐานทุกประการ

7 พ.ย. 65 ตัดสินใจจบความสัมพันธ์เพราะฝ่ายชายให้เหตุผลว่า ดูแลน้ำไม่ได้ในเรื่องเงิน และโรคซึมเศร้า อยากให้น้ำไปเจอคนที่ดี และหลังจากนี้ฝ่ายชายจะอยู่คนเดียว ไม่มีใครอีกแล้วววววว

12 พ.ย. 65 น้ำตัดสินใจ ไปเอารถมอไซค์คืน แต่ติดต่อไม่ได้ โทรไม่รับ และหลังจากนั้นฝ่ายชายบล็อกทุกช่องทาง (ภายหลังจากนั้น 3 วัน ได้รถคืนแล้ว) วันไหนไม่ทราบ ในเดือน พ.ย.65 นี้ (ใน tt ระบุว่า 8 วันที่แล้ว) ฝ่ายชายไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับแฟนเก่า คนที่นอกใจเขาเพื่อมาคบกับน้ำ (ณ ตอนนั้น น้ำเพิ่งทราบทีหลังว่าเค้ายังไม่ได้เลิกกันเด็ดขาด และน้ำจะเลิกกับฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายขอโอกาสแก้ตัวกับน้ำ)

22 พ.ย. 65 ฝ่ายชายไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่า ในขณะที่ยังไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายเรื่องงานแต่ง และทิ้งภาระค่าใช้จ่ายหลักแสน ไว้กับครอบครัวน้ำ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างยังไม่มารับผิดชอบ และปิดกั้นการติดต่อทุกช่องทาง เหลือทางเดียวคือบุกไปโรงเรียนต้นสังกัด

วัตถุประสงค์ของโพสต์นี้ 1. เพื่อปกป้องชื่อเสียงของน้ำ และครอบครัว 2. เพื่อต่อจากนี้ถ้าน้ำเริ่มต้นกับใครสักคน จะได้ไม่ถูกครหาว่าเป็นฝ่ายมีทำให้เกิดเรื่องต้องจบความสัมพันธ์ 3. เพื่อแจ้งว่า น้ำไม่ได้เสียใจอะไรจริงๆ ค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทักมาระหว่างนี้ แต่แค่เสียดายความศรัทธาในตัว ครู ก.ที่น้ำและครอบครัว เคยมอบให้ไป

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ และอย่าไว้ใจใครง่ายๆ ตอนนี้มีเพียงค่าใช้จ่ายเรื่องแต่งงานที่แพลนไว้ ที่ทางครอบครัวน้ำสำรองไปหลักแสน รอฝ่ายชายมารับผิดชอบ และฝ่ายชายปิดกั้นทุกช่องทางในการติดต่อ รออยู่ว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างค่ะ"

...



ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของครูสาว พบเพียงคุณแม่ โดยคุณแม่นำข้าวของเครื่องใช้ที่ฝ่ายชาย เคยใช้ขณะมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ รวมถึงชุดที่ไปซื้อมาเพื่อที่จะเตรียมใช้ในวันแต่งงาน และยังมีการ์ดเชิญงานแต่งที่ยังไม่ได้แจกเป็นจำนวนมาก พร้อมเล่าว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวได้คบหากับว่าที่เจ้าบ่าว ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยลูกสาวบอกว่ารู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้ และคิดว่าเป็นคนที่จะดูแลตนเองได้ เนื่องจากลูกสาวเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนที่จะคบหา จนถึงขั้นเตรียมจัดงานแต่งงาน ซึ่งมีการติดต่อออร์แกไนซ์ จ่ายเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่ายชายกลับอ้างว่าดูแลน้องไม่ได้ เนื่องจากน้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และก็เริ่มตีตัวออกห่าง

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวณภาลินี (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงผู้ประกาศข่าวท้องถิ่นพิธีกร และวิทยากรตามงานต่างๆ ว่าที่เจ้าสาว เปิดใจด้วยท่าทีหนักแน่นและมั่นใจว่า ตนเองต้องการเพียงแค่ปกป้องศักดิ์ศรีของครอบครัวและตนเองและต้องการเงินที่ครอบครัวของตนเองสูญเสียไปจากการจ่ายเงินค่ามัดจำการจัดงานแต่งคืนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ตนเองก็ไม่ทราบว่ามีการทำแบบนี้กับผู้หญิงมาแล้วหลายคน ตอนอยู่ด้วยกันก็มักจะเล่าเรื่องอดีตที่ผ่านมาให้ฟังว่า ทำไมถึงเลิกกับผู้หญิงคนก่อนๆ มา ภายหลังเกิดเรื่องราวขึ้น ก็มีอดีตแฟนเก่าส่งข้อมูลมาให้ อ้างว่าเคยใช้หนี้ให้เป็นแสน เป็นล้าน แต่หนี้ก็ยังไม่ลดสักที ในระหว่างที่คบหากัน อดีตแฟนเก่าของว่าที่เจ้าบ่าวเคยโทรมาพูดคุยกับตนเองว่า จะไม่ยุ่งแล้ว ไม่เอาแล้ว กระทั่งวันนี้ ตนก็งงว่าเค้าไปจดทะเบียนสมรส ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันได้อย่างไร โดยทางเราได้มีการวางแผนจัดงานแต่งงานไว้ครบทุกอย่าง ทั้งจ้างออร์แกไนซ์ พิมพ์การ์ดงานแต่ง ซื้อชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว โดยมีการจ่ายเงินค่ามัดจำออกกันไปแล้ว 45,000 บาท จ่ายมัดจำค่าแต่งหน้า และชุดไป 7,500 บาท ก็อยากให้นำ้เงินมาคืนด้วย.