เส้นทางของสายมูฯ แห่ดูดวงกับพระ วัดที่เชียงใหม่ จำกัดวันละ 20 คน ทำให้บางคนต้องหอบเสื้อผ้ามานอนรอข้ามวันข้ามคืน หากเรียกแล้วไม่แสดงตัว ถือว่าสละสิทธิ์

วันที่ 13 ก.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกระแส สายมูเตลู เดินทางมาดูดวงกับพระสงฆ์ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ โดยบางคนอ้างว่า มารอคิวแบบมาราธอน นอนค้างอยู่ที่วัดถึง 5 คืน เนื่องจากการดูดวงในแต่ละวัน จะจำกัดวันละ 20 คิวเท่านั้น 

ทีมข่าวลงพื้นที่ วัดทุงยู ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ พบชาวบ้านจำนวนหนึ่ง พากันหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า มานั่งรอหน้ากุฏิของ “พระตุ๋ย” พระษัฎฐพรรษ ณ น่าน หรือ พระครูวินัยธรษัฎฐพรรษ อคฺคธมฺโม อายุ 52 ปี เพื่อรอรับคิวดูดวงและเสริมดวงชะตา สอบถามหลายคนบอกว่า มานอนรอกันหลายวันแล้ว แต่บางคนเพิ่งเดินทางมาถึง และตั้งใจรอไม่ว่าจะกี่วัน แต่บางคนโชคดีมานอนคืนเดียวก็ได้เข้าดูดวง แล้วแต่จังหวะ เนื่องจากในแต่ละวันพระษัฎฐพรรษ จะเปิดดูดวงเพียงวันละ 20 คนเท่านั้น เริ่มคิวแรกในเวลาตีสาม จนครบ 20 คิวก่อน 11.00 น. จากนั้นจะฉันเพลและพักผ่อน โดยรับดูดวงตามช่วงเวลาดังกล่าวทุกวัน เว้นวันพระ

โดยการดูดวงนั้น จะเป็นการคิดคำนวณตัวเลขจากชื่อสกุลมาดูประกอบกับเวลาตกฟาก และลัคนาราศี ผลลัพธ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน หากเทียบผลคำนวณกับตำราโบราณแล้วพบว่า ดวงไม่ดีหรือติดขัดอุปสรรคใด ก็จะแนะนำให้เปลี่ยนชื่อ หรือสกุล เพื่อให้ตัวเลขคำนวณออกมาให้หนุนนำเสริมดวงชะตา ส่วนใครที่ไม่หนักหนามากนัก ก็จะให้บูชาพระพุทธรูปตามกำลังศรัทธา

รอคิวข้ามวันข้ามคืน สายมูฯ แห่ดูดวง พระวัดที่เชียงใหม่ จำกัดวันละ 20 คน

...



สาวรายหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรแล้วดวงไม่ค่อยดี ทั้งเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ จากนั้นเห็นในโซเชียลว่า มีคนหนึ่งเดินทางมาดูดวง และเปลี่ยนชื่อกันทั้งบ้าน แม้บางคนในบ้านจะไม่เชื่อเกี่ยวกับสายมูฯ ก็ตาม เมื่อเปลี่ยนแล้วทุกอย่างดีขึ้น ตนจึงเดินทางมาบ้าง โดยมาถึงคืนวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา และจะได้คิวหลังตีสาม ของวันที่ 14 ก.ย.นี้

โดยเมื่อมาถึง ก็จะต้องไปต่อคิวคนที่มาอยู่ก่อน โดยจะมีการตกลงพูดคุยกันชัดเจน ส่วนสาเหตุที่ต้องนอนรอที่วัด เพราะทางวัดระบุว่า ระหว่างรอห้ามไปไหน ใครจะดูดวงต้องรอเอง จะจ้างคนมาเข้าคิวแทนไม่ได้ เพื่อไม่ให้เอาเปรียบคนอื่น แต่ก็สามารถไปทานอาหาร เข้าห้องน้ำได้ตามปกติ

ส่วนหญิงสาวอีกราย เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เช่นกัน บอกว่า เคยมาดูดวงกับพระอาจารย์เมื่อสิบปีก่อน และได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุล ตามคำแนะนำ ที่สำคัญพระอาจารย์ไม่เคยเรียกปัจจัยใดๆ มีเพียงค่าครู 99 บาท หลังจากนั้นมา ทุกปีก็จะคอยเช็กดวงตลอดว่า ติดขัดตรงไหน ทั้งเรื่องสุขภาพ ธุรกิจ หรือ การตัดสินใจลงทุนธุรกิจ เมื่อต้องการคำแนะนำ ก็จะเดินทางมา ปีนี้พาแม่และเพื่อนแม่มาด้วย ซึ่ง โชคดีที่นอนรอแค่หนึ่งคืน ก็ได้คิวในวันถัดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนที่จะมาดูดวงส่วนใหญ่ทราบดีว่า อาจจะต้องนอนรอข้ามวัน ทำให้หลายคนเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวมาด้วย โดยทางวัดได้เปิดศาลาให้พักค้างคืนได้ แต่หากต้องการเสื่อและมุ้ง จะมีให้เช่า 100 บาทต่อคืน แต่บางคนก็ ออกไปเช่าโฮสเทลใกล้วัด เพื่อไม่พลาดคิวที่จองไว้ และต้องคอยเดินเข้าออกวัดบ่อยๆ เพราะหากเรียกคิว แล้วไม่อยู่ ก็จะถือว่าสละสิทธิ์ทันที

รอคิวข้ามวันข้ามคืน สายมูฯ แห่ดูดวง พระวัดที่เชียงใหม่ จำกัดวันละ 20 คน



เจ้าหน้าที่ดูแลวัด บอกว่า ปกติมีคนมาดูดวงตลอดทั้งปี แต่ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีคนเดินทางมาดูดวงเป็นจำนวนมาก เกือบทั้งหมดจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงจำเป็นต้องพักค้างแรมในพื้นที่ของวัดที่จัดให้ เพราะเมื่อถึงคิว หากมีการเรียกแล้วไม่อยู่ จะถือว่าสละสิทธิ์ และจะต้องไปจองคิวใหม่

ด้าน นายวัลลภ นามวงศ์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายศาสนา วัฒนธรรมและประเพณี ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า พระสงฆ์กับการดูดวงชะตาเป็นของคู่บ้านคู่เมืองมานาน ในอดีตพระมหากษัตริย์และนักรบ เวลาจะออกรบหรือทำการสำคัญใด ก็ต้องมีพระเกจิดูฤกษ์ยามเป็นธรรมดา โดยพระจะคำนวณลักษณะดวงดาวไปตามลัคนาราศี ถือเป็นศาสนสงเคราะห์

แต่มาภายหลัง พระสงฆ์กับศาสนสงเคราะห์อาจแยกกันไม่ออก เพราะประชาชนในยุคนี้มีความทุกข์ ความไม่สมหวัง ก็พยายามหาที่พึ่งทางใจ เมื่อรู้ว่าพระที่ไหน ดูดวงแม่น ช่วยปัดเป่าความทุกข์ในจิตใจได้ ก็จะมุ่งหน้าไป เป็นความเชื่อถือศรัทธาของในสังคมที่มีมานาน พระสงฆ์หลายรูปที่ดูดวงแล้วถูกต้องแม่นยำ สามารถให้คำแนะนำช่วยปัดเป่าความทุกข์ให้ได้ ผู้คนก็มีความสุขและบอกต่อๆ กันไป คนอื่นรู้ข่าวก็แห่กันไปหา

ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ หากทำเป็นศาสนสงเคราะห์ ช่วยปัดเป่าสงเคราะห์ให้ก็ไม่เป็นไร แต่หากดูมีวัตถุประสงค์เพื่อทรัพย์สินเงินทองก็คงจะไม่เหมาะ ทุกวันนี้พระรูปไหนจริงไม่จริงก็ให้ใช้วิจารณญาณ แต่แนะนำว่าอย่าไปเสียเงินให้มากเกินไป หากต้องลงทุนลงเงินหมื่นเป็นแสนก็ไม่ถูกต้อง.