- คาร์ซีท (Car Seat) ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก อุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในขณะที่เดินทาง
- หลังกฎหมายบังคับให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท ฝ่าฝืนปรับ 2 พัน ทำให้เรื่องของ คาร์ซีท ถูกพูดถึงอีกครั้ง ในเรื่องของความจำเป็น ในเรื่องความปลอดภัยของเด็ก
- การเลือกซื้อคาร์ซีท ควรเลือกจากอะไร และคาร์ซีทประเภทไหนที่เหมาะกับลูกน้อยของคุณ
กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมาก หลังจากที่ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2565 โดยมีสาระสำคัญหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นคนโดยสารที่นั่งแถวตอนหน้าและที่นั่งแถวตอนอื่น ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์
หรือเรื่องที่ถูกพูดถึงตลอดวานนี้ คือ คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
โดยคนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด
...
ทั้งนี้ พ.ร.บ.ฉบับแก้ไขกำหนดโทษปรับไว้สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท และมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
"คาร์ซีท" คืออะไร หลายคนรู้จัก แต่คิดว่า "ไม่จำเป็น"
สำหรับ "คาร์ซีท" (Car Seat) หรือที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก อุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในขณะที่เดินทาง นับเป็นอุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้มีติดมากับรถยนต์ ซึ่งราคาของคาร์ซีทนั้นมีตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับวัสดุ อุปกรณ์ ความหนาแน่น และยี่ห้อ
โดยคาร์ซีทสำหรับเด็กนั้นจะเป็นรูปทรงที่พอดีกับสรีระของเด็กในช่วงวัยต่างๆ มีเข็มขัดนิรภัยในตัว หากเกิดอุบัติเหตุ อวัยวะสำคัญๆ จะถูกเซฟตี้ไว้ด้วยเข็มขัดล็อก 4 หรือ 8 จุด โอกาสที่เด็กจะพุ่งตามไปแรงกระแทกของรถก็จะมีน้อย ถ้าเทียบกับการนั่งบนเบาะรถปกติที่ไม่สอดรับกับสรีระของเด็ก
ขณะที่ ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ หรือ หมอวิน เจ้าของเพจ "เลี้ยงลูกตามใจหมอ" ได้เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเอาไว้ หลังจากดราม่าของคุณแม่ท่านหนึ่งที่ออกมาอ้างว่า พยาบาลแนะนำว่า ไม่ให้ลูกแรกเกิดนั่งคาร์ซีท พร้อมอธิบายว่า "คาร์ซีท" คือ อุปกรณ์ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยชีวิตเด็กยามที่เกิดอุบัติเหตุได้จริงๆ เนื่องจากเซฟคอของเด็กเล็กได้อย่างดี เมื่อมีแรงกระชากจากการกระชากตอนลดความเร็วอย่างกะทันหันตอนรถชน และที่สำคัญที่สุดคือ ยึดเด็กไม่ให้กระเด็นออกจากรถ
ขณะที่อ้อมกอดของแม่ คือ พื้นที่ปลอดภัย แต่ไม่ใช่ขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซ้ำยังจะกลายเป็น อ้อมกอดมรณะที่คร่าชีวิตลูกได้เพียงเสี้ยววินาที ไม่ตายก็อาจพิการ
และเมื่ออุบัติเหตุเกิดได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะตัวเราเอง หรือจากผู้อื่น ดังนั้น คาร์ซีท ถือเป็นสิ่งที่ต้องมี ต้องใช้ และต้องเคร่งครัดในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ แต่ยังไม่ใช่ประเทศไทย ถึงกระนั้นก็ขอปรบมือให้คุณพ่อคุณแม่ที่เริ่มหันมาให้ลูกใช้คาร์ซีทมากขึ้น
คาร์ซีทมีกี่แบบ เหมาะกับเด็กตั้งแต่อายุเท่าใด
สำหรับ "คาร์ซีท" นั้นโดยทั่วไปจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- Infant Carrier Seats สำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 เดือน รับน้ำหนักได้ประมาณ 10 กิโลกรัม ซึ่งจะถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายเปล สามารถติดเข้ากับรถเข็นเด็ก แต่หากนำมาติดตั้งในรถ จะถูกติดเข้ากับฐานคาร์ซีท โดยวางหันไปทางด้านหลัง หรือ rear facing เท่านั้น
- Convertible car seats สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม โดยสามารถวางได้ทั้ง 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นการวางหันหลัง หรือแบบหันหน้าออก ซึ่งคาร์ซีทลักษณะนี้มักยึดติดกับฐาน และไม่สามารถยกเป็นเปลออกไปได้
- Booster seat เป็นคาร์ซีทอีกลักษณะหนึ่งที่เป็นการเพิ่มความสูงให้เด็กเวลานั่งบนรถ เพื่อให้สาย safety belt สามารถพาดผ่านสะโพกและหัวไหล่ ไม่ใช่พาดอยู่ที่ท้องและคอของเด็ก โดยสามารถใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ปี หรือเด็กที่มีความสูง 100-150 ซม. หรือหนัก 18-36 กิโลกรัม
นอกจากประเภทของคาร์ซีทแล้ว การวางคาร์ซีทบนรถยนต์ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากหากวางหันไปทางด้านหลัง (rear-facing) จะเป็นการป้องกันกระดูกสันหลัง และป้องกันการบาดเจ็บของเด็ก ซึ่งมักใช้กับเด็กแรกเกิดจนถึง 2 ขวบ
อีกแบบคือ การวางคาร์ซีทไปทางด้านหน้า เหมือนท่านั่งปกติ (forward-facing) มักเป็นรูปแบบของคาร์ซีทที่ใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป
และหากดูตามประเภทของคาร์ซีทแล้วจะเห็นว่าคาร์ซีทแต่ละประเภทนั้นเหมาะกับเด็กช่วงอายุที่ต่างกัน ดังนั้นพ่อแม่ที่ให้ความสนใจ "คาร์ซีท" เพื่อความปลอดภัยของลูก ก็จะต้องเปลี่ยนคาร์ซีทไปตามช่วงอายุและสรีระของลูกน้อย ซึ่งบางคนที่มีทุนทรัพย์ การหาซื้อมือหนึ่งตามร้านหิ้ว หรือห้างสรรพสินค้า คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากทุนทรัพย์น้อย การหาซื้อคาร์ซีทมือสอง ราคาไม่แพง ถือเป็นตัวเลือกอีกช่องทางหนึ่ง
วิธีเลือกซื้อ "คาร์ซีท"
เมื่อรู้จักคาร์ซีทประเภทต่างๆ แล้ว คำถามต่อมาของพ่อแม่คือ แล้วมันมีตั้งหลายยี่ห้อ หลายสี หลายแบบ ส่วนใหญ่ก็จะเคลมในเรื่องของความปลอดภัย และจริงๆ แล้ว คาร์ซีท ที่ดีควรจะเป็นแบบไหน เลือกจากอะไร
อันดับแรก คือ เมื่อคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย ดังนั้นพ่อแม่ควรจะให้ความสำคัญกับจุดล็อก หรือเข็มขัดนิรภัย ที่สามารถยึดไหล่ 2 ข้าง สะโพก 2 ข้าง และจุดรวมอยู่ที่ระหว่างขาได้อย่างแน่นหนา อีกทั้งต้องเลือกให้เหมาะกับอายุ น้ำหนัก และสรีระของลูกด้วย
นอกจากนี้ การป้องกันด้านข้างก็เป็นเรื่องที่จำเป็น ดังนั้นควรเลือกคาร์ซีทที่สามารถป้องกันการกระแทกจากทางด้านข้างได้ดี
ต่อมาต้องคำนึงว่า คาร์ซีท เป็นอุปกรณ์ที่จะต้องติดตั้งภายในรถยนต์ โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งแบบยึดติดกับ Seat belt หรือติดกับ ISOfix ที่มีในรถ ดังนั้นการเลือกซื้อคาร์ซีท ควรให้เหมาะกับรถที่เราใช้งานด้วย
และที่สำคัญ ต้องเลือกคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง หรือทดสอบในเรื่องของความปลอดภัย หากได้รับแรงกระแทกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องของ "คาร์ซีท" นั้น แม้ว่าพ่อแม่มือใหม่จะให้ความใส่ใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ได้ซื้อคาร์ซีทมาติดตั้งบนรถ ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเรื่องของราคา ความเคยชิน เป็นต้น แต่หลังจากที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา บังคับให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท (Car seat) ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาท ทำให้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น
ออ .. แล้วอย่าบอกว่า ลูกไม่ยอมนั่ง เพราะทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝน.
ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Anon Chantanant