ผู้ใหญ่ใจบุญติดต่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลนักเรียนโดนคนใจร้ายขโมยรองเท้าสตั๊ดยกทีม จนหมดกำลังใจแข่งขัน
วันที่ 25 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมนักฟุตบอลนักเรียนโรงเรียนคอนสวรรค์ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี กีฬานักเรียนโซนหุบเขา ถอดรองเท้าสตั๊ด โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ กุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ไว้ที่กระบะรถหลังคาแคร์รีบอย ปิดอย่างแน่นหนา หัวขโมยแอบมาขโมยรองเท้าสตั๊ด โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ กุญแจรถมอเตอร์ไซค์ โดนขโมยไปหมดเลย ไม่มีอุปกรณ์ทำการแข่งขันต่อแพ้ตกรอบ
จากการสอบถาม อาจารย์ครูฝึกของนักกีฬาฟุตบอลอายุไม่เกิน 18 ปี ของโรงเรียนคอนสวรรค์ เล่าว่า ที่เกิดเหตุมีหัวขโมยฉกสตั๊ดของนักกีฬาที่เก็บไว้หลังรถกระบะหายก่อนที่จะลงแข่งไม่กี่ชั่วโมง และได้คุยกับนักกีฬาทุกคนว่าเสียกำลังใจลงสนาม บางคนนั่งร้องไห้ เสียใจที่รองเท้าที่ตัวเองรักหายไป บางคนรองเท้า เงิน และโทรศัพท์หายไปทั้งหมด
แม้ว่ากรรมการจะเลื่อนให้มีการแข่งขันจากรอบเช้าเป็นรอบบ่าย (24 มกราคม 2565) แต่นักกีฬาหมดกำลังใจที่จะลงแข่งขันแมตช์แรกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย (รอบรองชนะเลิศ) และกว่าจะเป็นตัวแทนสหวิทยาของเขตอำเภอคอนสวรรค์และอำเภอแก้งคร้อ ต้องผ่านการแข่งขันชนะถึง 7 โรงเรียนทั้ง 2 อำเภอจึงจะเป็นตัวแทนสหวิทยาเขตเพื่อมาแข่งในจังหวัด เหตุการณ์ครั้งนี้จึงถือเป็นการดับฝันของเด็กที่ตั้งใจซ้อมมาหลายเดือนเพื่อมาแข่งในครั้งนี้
ด้านนายนัฐพงศ์ พิมพ์สิน หรือ น้องต้อง อายุ 18 ปี นักกีฬา 1 ใน 13 คนที่ถูกขโมยรองเท้าได้ เล่าว่า หลังแข่งฟุตซอลเสร็จจะไปอุปกรณ์ที่เอาไว้ที่ท้ายรถกระบะสี่ประตูแต่กลับพบว่า กระเป๋าของนักกีฬาทั้งหมดหายไปจึงเข้าไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาขอดูกล้องวงจรปิดจึงรู้ว่าถูกหัวขโมยจอดรถเก๋งเทียบขโมยไปมีรองเท้าสตั๊ดจำนวน 13 คู่ โทรศัพท์ 2 เครื่อง มีไอโฟน 11 และ ออปโป้ 1 เครื่อง พร้อมเงินสดประมาณ 3 พันบาท ทำให้ทุกคนหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
...
ขณะที่นายสุชาติ รักษาชนม์ ผู้อำนวยการโรงเรียนคอนสวรรค์ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุ ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา ได้ไปจอดรถที่โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ในเมืองชัยภูมิ เพื่อแข่งขันกีฬาฟุตซอล เพราะนักกีฬา ทีมฟุตบอล 11 คน ส่วนหนึ่งเป็นนักกีฬาฟุตซอลด้วย จึงเดินทางมาแข่งฟุตซอลก่อน แล้วจึงไปแข่งขันฟุตบอล 11 คน แต่เมื่อแข่งฟุตซอลเสร็จ กำลังจะขึ้นรถเพื่อเดินทางไปแข่งฟุตบอล
เมื่อมาถึงรถ พบว่า กระเป๋าของนักเรียนหายเกือบหมด ทำให้นักกีฬาฟุตบอลไม่มีรองเท้าในการแข่งขัน เมื่อทราบเรื่องจึงพาเด็กทั้งหมดมาแจ้งความ แล้วปลอบใจเด็ก โดยครูจะลงทุนซื้อรองเท้าสตั๊ดให้เด็กใหม่ทุกคน เพื่อที่จะแข่งขันต่อ แต่เด็กไม่พร้อมแข่งขัน เพราะกำลังอยู่ในสภาวะตกใจ ตนจึงได้ปรึกษากับคณะกรรมการ ฟุตบอล หลังจากนั้นตนได้เข้าไปให้กำลังใจเด็ก เพื่อให้เด็กมีกำลังใจในการแข่งขันต่อ โดยพร้อมจะดูแลนักกีฬาฟุตบอลทุกคน และหารองเท้าสตั๊ดมาให้เด็กทุกคนที่หายไป เพราะสงสารเด็กเพราะทีมนี้ ตั้งใจในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้มาก และซ้อมกันมานานแล้ว
แต่เมื่อได้พูดคุยกับเด็กอีก ก็ยังได้คำตอบเติมคือ ไม่พร้อมที่ที่จะแข่งขันต่อ ทั้งฟุตบอล 11 คน และฟุตซอล ตนจึงแจ้งให้คณะกรรมการฟุตบอลทราบ ได้ข้อสรุป ถ้าไม่มาแข่งขันต่อ ตามกฎ จะถูกปรับแพ้ 2-0 แต่เด็กทุกคนยอมที่จะถูกปรับแพ้ เพราะสภาพจิตใจของเด็ก ไม่พร้อมแข่งจริงๆ ทำให้ตกรอบแรกเดินทางกลับแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวไป ตอนนี้มีผู้ใจบุญ โทรเข้ามาหลายสายเพื่อที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และขอบริจาครองรองเท้าสตั๊ดให้เด็กทุกคน ขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกคน