เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ตนได้รับข้อสั่งการจาก น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ให้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบว่าเป็นโรงเรียนอนุบาล แต่พบว่ามีการจัดสอนในรูปแบบโรงเรียนกวดวิชาแทน ซึ่งต้องขออนุญาตการจัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ดังนั้น สช.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ทั่วประเทศ พบสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ใช้ชื่อว่า “โรงเรียนสร้างเสริมทักษะภาษาอังกฤษแอมโกร์วอิง” ถูกขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบตามระเบียบอย่างถูกต้อง แต่พบว่าเมื่อเป็นโรงเรียนเสริมทักษะกวดวิชา แทนที่จะทำกิจการตามระเบียบการขออนุญาตจัดตั้ง แต่กลับไปขายแฟรนไชส์เปิดเป็นโรงเรียนอนุบาล และคิดหลักสูตรขึ้นมาเอง ทั้งโฆษณาอวดอ้างว่าทำมาแล้ว 6 ปี ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค และ สช.ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการของ สช.ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการพบโรงเรียนเถื่อนลอตใหญ่ที่ไม่ได้รับอนุญาตจัดตั้ง
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ขณะนี้โรงเรียนเอกชนแห่งดังกล่าวได้สร้างแฟรนไชส์ไปแล้วจำนวน 38 แห่งใน 31 จังหวัด ดังนั้น สช.จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี แล้ว และแจ้งให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) 31 แห่งแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบภายใน 7 วันด้วย อีกทั้ง สช.ยังแจ้งกรมสรรพากรตรวจสอบการชำระภาษี แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ให้ตรวจสอบครูผู้สอนชาวต่างชาติ แจ้งกรมการจัดหางานให้ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของครูผู้สอนชาวต่างชาติ อีกทั้งโรงเรียนเอกชนแห่งดังกล่าวไม่ได้มีการยื่นขอจัดตั้งการเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบจาก สช. จึงต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ในมาตรา 120 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และขอฝากถึงประชาชนหากจะซื้อแฟรนไชส์โรงเรียนให้ตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตจัดตั้งจากเว็บไซต์สช.ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย.
...