ทวิตเตอร์ (Twitter) เผย 8 ข้อควรรู้เกี่ยวกับเทรนด์ทวิตอย่าง เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ต้องทำอย่างไร ข้อความแบบไหน ถูกปิดกั้นไม่ให้ติดเทรนด์
เมื่อโซเชียลเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า นอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทสนทนาที่หลากหลาย การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมไปถึงการแจ้งข่าวสารต่างๆ แล้ว บทสนทนาเกี่ยวกับเทรนด์ต่างๆ ในทวิตเตอร์ ยังทำให้เกิดกระแสในสังคมอีกทางหนึ่งด้วย
และถ้าพูดถึงเทรนด์ทวิตเตอร์แล้ว อยากจะพาไปทำความรู้จักกับ 8 ข้อควรรู้เกี่ยวกับทวิตเตอร์เทรนด์ เพื่อให้ผู้ใช้ได้เข้าใจการทำงานของฟีเจอร์นี้ได้ดียิ่งขึ้น
1. เทรนด์เกิดจากอัลกอริทึม
อัลกอริทึม คือ ตัวกำหนดเทรนด์ โดยค่าเริ่มต้นเทรนด์ ได้ถูกกำหนดให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งอ้างอิงจากคนที่กำลังติดตาม เรื่องที่สนใจ และจากตำแหน่งที่ตั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนค่าเริ่มต้นของเทรนด์โดยเลือกสถานที่ที่ต้องการได้ เช่น ตั้งค่าเป็นประเทศไทย และเห็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมหรือกำลังติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่ในตำแหน่งที่ตั้งที่เจาะจงได้
2. เทรนด์ไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนทวีต
เทรนด์แสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนี้มีเรื่องอะไรที่กำลังได้รับความนิยมบนทวิตเตอร์ ซึ่งไม่ได้นับจากจำนวนทวีตทั้งหมดในหัวข้อเฉพาะแล้วแสดงรายการที่มีทวีตมากที่สุด แต่เทรนด์สะท้อนถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบัน และยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาหัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงบนทวิตเตอร์ในตอนนั้นแบบเรียลไทม์ได้
3. ไม่ติดแฮชแท็ก ก็ติดเทรนด์ได้
การติดแฮชแท็กเป็นส่วนหนึ่งของทวิตเตอร์เทรนด์ ทั้งนี้ คำหรือวลีที่ใช้ในทวีต จะถูกนับรวมด้วยเช่นกัน ซึ่งทวิตเตอร์ยังจัดกลุ่มแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน ตัวอย่าง เช่น #MondayMotivation และ #MotivationMonday จะแสดงเป็น #MondayMotivation ในเทรนด์ เป็นต้น
...
4. วิธีการดูทวีตที่ติดเทรนด์
สามารถคลิกหรือแตะตรงข้อความที่อยู่ในเทรนด์ แล้วระบบจะนำไปสู่หน้าแสดงผลการค้นหาเทรนด์นั้นๆ ซึ่งจะเห็นการแสดงทวีตต่างๆ รวมถึงวลี คำ หรือแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง หากต้องการดูทวีตที่เคยติดเทรนด์ก่อนหน้าแต่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ของเทรนด์แล้ว ผู้ใช้ทวิตเตอร์ยังคงสามารถค้นหาทวีตเหล่านั้นในช่องค้นหาได้
5. การร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์
ผู้ใช้ทวิตเตอร์สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ โดยการทวีตข้อความที่มีวลี คำ หรือแฮชแท็กที่กำลังติดเทรนด์อยู่ เพียงเท่านี้ข้อความดังกล่าวก็จะเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ในทันที (หมายเหตุ ทวิตเตอร์มีตัวกรองในการค้นหาเฉพาะข้อความที่มีคุณภาพ)
6. คำอธิบายของเทรนด์
ในบางครั้ง ผู้ใช้อาจจะเห็นข้อมูลของเทรนด์ได้ เช่น จำนวนทวีตโดยประมาณ หรือบริบทส่วนบุคคล เช่น ใครในเครือข่ายกำลังทวีตเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อยู่ หากดูที่จำนวนทวีตที่แสดง คุณจะเห็นว่าทวีตที่มีจำนวนมากกว่าอาจปรากฏอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าทวีตที่มีจำนวนทวีตน้อยกว่าก็ได้
7. นโยบายและกฎที่เกี่ยวข้องกับทวิตเตอร์เทรนด์
ทวิตเตอร์ต้องการให้ฟีเจอร์เทรนด์เป็นการโปรโมตบทสนทนาที่มีคุณภาพ ซึ่งหมายความว่าในบางครั้ง ทวิตเตอร์อาจป้องกันเนื้อหาบางประเภทไม่ให้ติดเทรนด์ เช่น
- เนื้อหาหยาบคาย หรือมีการอ้างอิงรูปภาพที่ไม่เหมาะสม
- ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังในเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ชาติกำเนิด รสนิยมทางเพศ เพศ อัตลักษณ์ทางเพศ ความเกี่ยวข้องทางศาสนา อายุ ความทุพพลภาพ หรืออาการป่วยโรคต่างๆ
- ละเมิด ข้อบังคับของทวิตเตอร์
8. ประเภทของทวิตเตอร์เทรนด์ มี 2 แบบคือ เทรนด์แบบทั่วไป และเทรนด์ที่โปรโมตบนทวิตเตอร์
เทรนด์แบบทั่วไปคือสิ่งที่อธิบายไปข้างต้นและทำงานภายใต้ข้อบังคับของทวิตเตอร์ ซึ่งไม่สามารถทำการซื้อขายได้ อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์มี 2 ฟีเจอร์โฆษณาที่เปิดโอกาสให้สามารถโปรโมตเทรนด์บนทวิตเตอร์ได้ คือ
โปรโมตเทรนด์ (Promoted Trends) คือ ฟีเจอร์โฆษณาที่สร้างผลลัพธ์สูงใน 24 ชั่วโมง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแบรนด์ต่างๆ และเพื่อความโปร่งใส เทรนด์ที่เป็นการโปรโมตในรูปแบบนี้จะมีเครื่องหมายแสดงอย่างชัดเจนว่าโปรโมต และจะต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้โปรโมตเทรนด์ของทวิตเตอร์
โปรโมตสปอตไลต์เทรนด์ (Promoted Trend Spotlight) คือรูปแบบการโฆษณาแบบภาพที่ปรากฏเหนือรายการเทรนด์ ฟีเจอร์นี้รองรับวิดีโอและภาพเคลื่อนไหว (GIFs) ไม่เกิน 6 วินาที รวมทั้งภาพนิ่ง