"ยอด นครนายก" อดีตดาราตลกชื่อดัง วัย 62 ปี ขอความช่วยเหลือ หลังป่วยโรครุมเร้า ตกอับ มีเงินจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใช้แค่เดือนละ 600 บาท


วันที่ 6 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางบุญมี ผลประเสริฐ อายุ 62 ปี ว่า ตอนนี้มี "นายยอด นครนายก" หรือ นายสมัคร ผลประเสริฐ อายุ 70 ปี ดาราตลกชื่อดังในอดีต ซึ่งเป็นพี่ชายของตนเอง ตกอับได้มาพักอาศัยอยู่ด้วย จึงเดินทางไปตรวจสอบ โดยมีพระสมุห์ ประสิทธิ ชาคะโร (พระหม่อมเหยิน) อดีตตลกชื่อดังบวชเป็นพระ ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจเพื่อน

ทันทีที่เห็น นายยอด นครนายก ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีดำ สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว และมีผ้าขนหนูสีขาวพาดบ่า พร้อมด้วยไม้เท้าค้ำยันอีก 1 อัน ทั้ง 2 โผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากตั้งแต่อยู่ในวงการตลก จากนั้นได้สวดมนต์ พรมน้ำมนต์ ให้ศีลให้พร เพื่อเป็นสิริมงคลกับยอด นครนายก พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ และให้กำลังใจต่อกัน

ด้านนางบุญมี เปิดเผยว่า พอทราบข่าวว่าพี่ชายแท้ๆ ที่อยู่กินกับลูกและภรรยา ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ป่วยหนักและมักจะอยู่บ้านเพียงคนเดียว เนื่องจากลูกๆ และภรรยาต้องออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพของแต่ละคน และพี่ชายของตนชอบวูบหน้ามืดเคยล้มมาแล้ว ขาก็ไม่ค่อยมีแรง จึงไปรับมาอาศัยอยู่ด้วย ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.62 ได้ประมาณ 1 เดือน โดยไม่มีเงินติดตัวมาเลยสักบาทเดียว เงินในบัญชีที่เคยสะสมมาเมื่อครั้งเล่นตลกก็ไม่มีติดบัญชีเลย

...

ตอนนี้พี่ชายยังมีโรคประจำตัวเส้นเลือดในสมองตีบและความดันโลหิตสูง ต้องดูแลกันไปตามมีตามเกิดเพราะว่าครอบครัวของตนก็ต้องเช่านาเขาทำอยู่ พี่ชายมีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท ภรรยาและลูกๆให้บ้างแต่ก็ไม่เพียงพอ เงินที่สะสมเอาไว้ก็หมดไป ตนเองก็ต้องสู้ทนเพราะรักพี่ชายมาก ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี

แต่ก่อนเคยหารับจ้างทั่วไปมีงานบ้างไม่มีงานบ้าง ตั้งแต่พี่ชายมาอยู่ด้วย ตนเองไปไหนไม่ได้เพราะเป็นห่วงพี่ชายช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ใส่เสื้อผ้าเองไม่ได้ หลงๆ ลืมๆ ปล่อยไว้คนเดียวเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงวอนให้สังคมให้การช่วยเหลือ สิ่งที่ต้องการคือน้ำดื่ม ข้าวสาร เครื่องกระป๋อง อาหารแห้ง ไม่ต้องเอามาเยอะเนื่องจากพี่ชายกินได้เพียงข้าวต้ม เค็มหวานกินไม่ได้มาก

ขณะที่ ยอด นครนายก กล่าวว่า ตนโด่งดังมาจากการเล่นตลกเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับประชาชนมากว่า 40 ปี โดยได้ตั้งวงตลกชื่อว่า "ยอด นครนายก" ร่วมกับ แดน บุรีรัมย์-ตุ๊ยตุ่ย และ สีแพร โด่งดังมาแล้ว จากนั้นก็ได้แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพอื่น และก็ยังไม่เคยได้เจอหน้ากันอีกเลยจนทุกวันนี้

ส่วนตนนั้นก็ได้หันไปเอาดีทางการเมืองท้องถิ่นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2535 โดยเป็นรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคูคต จ.ปทุมธานี โดยมีนายประเทือง โนทะกะ เป็นนายกในสมัยนั้น และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของเทศบาลฯ ตนก็เลยตกงานเรื่อยมา และก็ยังมีโรคประจำตัว เงินที่เก็บสะสมเอาไว้ก็ต้องนำมาใช้จ่ายเพื่อเป็นค่ารักษาตัวเองจนหมดไป ตอนนี้มีเพียงเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาทเท่านั้น

ส่วนบ้านของตนที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก็ได้ยกให้ลูกไป ส่วนภรรยาคนปัจจุบันของตนก็ยังทำงานอยู่ที่เทศบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ก็ส่งเงินให้ใช้บ้าง แต่ไม่มากนัก ตอนนี้ก็ได้น้องสาวดูแลอยู่

สำหรับตนนั้นไม่อยากเป็นภาระใครทั้งนั้น รวมถึงเพื่อนๆ ศิลปินตลกทุกคน เพียงแค่อยากพบเจอเพื่อพูดคุยกันเท่านั้นก็พอ และท้ายสุดนี้ก็อยากจะขอฝากดาราตลกรุ่นหลังๆ ว่าขอให้เล่นตลกด้วยความสุภาพ อย่าหยาบคาย ขอให้เคารพกับสถานที่ด้วย และก็อย่าหลงระเริงว่าโด่งดังแล้วจะทำอะไรก็ได้.