นี่ "คุณหมอฉลาม" จากเรื่อง "รักฉุดใจนายฉุกเฉิน" หรือเปล่า ชาวเน็ตถามมาอยากรู้จัก "หมอเบิร์ด" สดใส แข็งแรง คนไข้ไม่อ่อนแรงเจอหมอหายป่วย 

หลังจากซีรีส์ "รักฉุดใจนายฉุกเฉิน" ออนแอร์เพียงแค่สัปดาห์แรก ก็กลายเป็นไวรัลจนชาวโซเชียลพูดถึงเป็นจำนวนมาก และเพียงไม่กี่วันต่อมาก็มีกระแสของ "หมอเบิร์ด" ออกมาเต้นคัฟเวอร์เพลงของซีรีส์ดังกล่าว โดยชาวเน็ตต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า คล้ายกับ "คุณหมอฉลาม" ที่นำแสดงสกาย-วงศ์รวี นทีธร  เลยทีเดียว 

"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสได้พูดคุยกับ นายแพทย์วรพล ลิขิตวิวัฒน์กุล หรือ หมอเบิร์ด เจ้าของคลิปที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ โดย หมอเบิร์ด แนะนำตัวก่อนว่า ผมจบจากคณะแพทยศาสตร์วชิระพยาบาล แล้วก็ใช้ทุนบึงกาฬ 2 ปี แต่ตอนนี้มาทำคลินิกกับคุณหมอที่รู้จักกัน แต่ก็อยู่ที่บึงกาฬ ก็ตรวจโรคทั่วไป

ก่อนหน้าหมอก็เป็นคนกรุงเทพฯ อยู่ที่นั่นตั้งแต่เกิดจนเรียนจบ จนจับสลากใช้ทุนได้ที่จังหวัดบึงกาฬ เป็นปีแรกที่เปิดรับหมอ อยู่ไปอยู่มาตอนนี้ก็อยู่บึงกาฬ มา 8 ปีแล้ว

...

"ถ้าถามผมว่า ทำไมผมถึงไม่ตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ เพราะผมชอบที่นี่นะ คนไข้ที่บึงกาฬน่ารักมากๆ เราอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขดีครับ รถไม่ติด จากที่บ้านมาที่ทำงานแค่ 5 นาที ที่สำคัญผมมีความสุขที่ได้รักษาอาการเจ็บป่วยของคน"

 80% ของการรักษาต้องมาจากรอยยิ้มของหมอ  

หมอเบิร์ด กล่าวอีกว่า ส่วนตัวผมเวลาตรวจคนไข้ ผมจะถือคติว่าเราไม่ควรถือตัวกับคนไข้ เพราะเราก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่จะทำให้คนไข้หายได้ คือ รอยยิ้มของหมอ ผมว่าคนไข้เห็นรอยยิ้ม การพูดจาไพเราะของหมอ 80% ก็หายแล้ว 

ทั้งนี้ เราอาจจะเคยเห็นคนไข้ หรือญาติคนไข้มาบ่นว่า ไปหาหมอ บางคนก็บ่น ก็ด่า บางคนพูดไม่ดี ซึ่งตรงนี้ผมคิดต่างนะ ผมมองว่าคนไข้ที่เข้ามาหาเรา เขาทุกข์อยู่แล้ว ทุกข์จากความเจ็บป่วย ฉะนั้นเราไม่ควรพูดจาไม่ดีกับคนไข้

"สิ่งที่ผมทำทุกวันนี้ ผมจะทักทาย และยกมือไหว้สวัสดี ก่อนคนไข้จะไหว้ผม ยกตัวอย่างเช่น วันนี้มากับใครครับ ใครมาส่ง ถามสารทุกข์สุขดิบ อยู่ที่นี่ผมก็พูดภาษาอีสานกับคนไข้ พูดได้หมด บางทีคนไข้ก็เล่นมุกกับหมอนะ เช่น สวัสดีครับ คุณป้าเป็นอย่างไรบ้าง คุณป้าก็จะบอกว่า บ่ได้เป็นหยัง มื้อนี้มาเบ่งหมอ คิดฮอดนะ ซึ่งอยู่ที่นี่เหมือนครอบครัว"

อย่างไรก็ตาม ตอนจะลาออกจากโรงพยาบาบาลก็นอยด์อยู่เหมือนกัน ด้วยความที่ต้องไปต่างอำเภอ ผมก็ไม่สะดวกเท่าไร เพราะทำคลินิกอยู่ที่นี่ และมีบ้านอยู่ที่นี่ ก็เลยมาเปลี่ยนความคิดใหม่ว่า อยู่ที่ไหนก็รักษาคนไข้ได้เหมือนกัน

สำหรับ คลินิกที่หมอรักษานั้น ก็ไม่ได้คิดค่ารักษาแพง ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ 300-500 บาทอยู่แล้ว เฉลี่ยคนไข้วันละ 60-100 คน หมอก็จะแนะนำ และใช้เวลากับคนไข้นานหน่อย เพราะส่วนตัวเชื่อว่าประมาณ 80% ของโรคเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ มักจะหายได้เองจากการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง เข้าใจถ่องแท้ในตัวโรคที่เป็น

นไข้หายป่วย หมอก็ชื่นใจ

หมอเบิร์ด กล่าวต่อว่า เมื่อเรามีเวลาอยู่กับคนไข้เยอะๆ ก็จะสามารถแนะนำการรักษาโรคที่ถูกต้องได้ ยกตัวเอย่างเช่น คนไข้ที่มาหาหมอส่วนใหญ่จะเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเขากินยาไม่ถูกกับโรค แต่เป็นเพราะเขาปฏิบัติตัวไม่ถูก หมอก็ต้องอธิบายให้เขาฟังว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร 

"สไตล์ของหมอก็จะพูดไม่เครียด เล่นมุกกับคนไข้บ้าง หมออยากให้คนไข้มีความสุข เวลาเราแนะนำ คนไข้ก็ชอบ ผมจะแนะนำละเอียด เช่น คนไข้ปวดเข่ามา ผมก็จะอธิบายว่า การทานยาเป็นการรักษาที่ปลายเหตุนะ ถ้าอยากจะรักษาให้หายขาดก็ต้องปรับตัว และรักษาที่ต้นเหตุ เลย เช่น การนั่ง การยืน และที่สำคัญอาจจะต้องลดน้ำหนัก"

ยกตัวอย่าง เช่น กินข้าวให้ตรงเวลานะ อย่ากินของเผ็ด ของผมก็จะพูดว่า มี 5 ข้อ

1. กินข้าวให้ตรงเวลา กินเสร็จอย่าเพิ่งนอน รออย่างน้อย 2 ชั่วโมง กินแล้วนอนอาหารจะไม่ย่อย มันจะอืดท้อง

2. ของเผ็ด ของดอง ปลาร้า ปลาส้ม ปลาแจ่ว กะปิ ตำบักหุ่ง น้ำพริก หน่อไม้ ลาบ ก้อย ปลาดิบ มาม่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ ข้าวเหนียว ข้าวปุ้น กระทิ ไม่ให้กินอย่างน้อย 2 เดือน

3. ยาแก้ปวด ยาต้ม ยาหม้อ ยาประดง ยากระจายเส้นทุกชนิด 

4. เหล้า เบียร์ บุหรี่ ไม่แตะ ไม่ต้อง

5. อย่าเครียด อย่าคิดมาก อย่านอนดึก

เคสนี้หมอประทับใจ 

สำหรับ เคสรักษาคนไข้ที่หมอประทับใจ คือ มีคนไข้คนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี ก็บ่นว่าปวดหลัง ผมก็แปลกใจว่า อายุยังไม่มากเลยทำไมถึงนั่งรถเข็นมา ผมก็ดูเรื่องปวดหลังให้ และซักประวัติต่อว่า ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเดินไม่ได้

คนไข้ก็บอกว่า เดินไม่ได้มานานประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว อยู่ดีๆ ก็เป็น มันอ่อนแรงไปเลย ผมก็เลยลองตรวจร่างกายอย่างละเอียดดู ก็เห็นเขาสั่นเล็กน้อย ซึ่งมีการแสดงไปทางโรคพาร์กินสัน แบบสั่นไม่เยอะ แต่หากเป็นนาน กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงและเดินไม่ได้ ผมก็เลยจัดยารักษาโรคพาร์กินสันให้คนไข้ อาทิตย์ถัดมา คนไข้ก็เดินมาหาหมอเลย แบบหมอประทับใจมาก 

5 คำถามชาวเน็ตเขาฝากมา 

- ตอนนี้คุณหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกไหน

หมอเบิร์ด : คลินิกหมอกมลครับ มาเจอหมอได้ที่จังหวัดบึงกาฬ แต่คิวอาจจะยาวๆ หน่อย

- มีแฟนหรือยังจ๊ะ

หมอเบิร์ด : มีคุยๆ กันอยู่ครับ

- คุณหมอดูลุคนายแบบ หุ่นดี เหมือนออกมาจากนิตยสารเลย

หมอเบิร์ด : ต้องย้อนกลับไปก่อนเลย ตอนแรกหมอก็ยังไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้เล่นฟิตเนส แต่พอเราเห็นคนออกกำลังกาย หุ่นดี เราก็โอ้ เขาดูหุ่นดี มีเสน่ห์นะ หมอก็เลยให้เวลากับการออกกำลังกาย ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของคนเล่นฟิตเนส

ทั้งนี้ พอเราออกกำลังกายมาระยะหนึ่ง กว่าจะได้ประมาณนี้ก็ต้องมีความพยายาม และความอดทน พอมาถึงจุดที่เราโอเค ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เราอยากจะโชว์มันออกมา ซึ่งก็ถือความเป็นภูมิใจของเรา ซึ่งการถ่ายรูปของผมก็จะต้องดูเรื่องกาลเทศะที่เหมาะสม 80% คนเล่นฟิตเนสส่วนใหญ่ก็จะถ่ายรูปแบบนี้

ผมใช้เวลาในสร้างกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายมาประมาณ 2 ปีกว่า ทุกวันก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เวต เทรนนิ่ง งดของมัน ของทอด ของหวาน แต่ใน 1 อาทิตย์ก็จะมีชีทเดย์ 1-2 วัน

"ความคิดส่วนตัวของหมอ เราต้องเป็นตัวอย่างให้คนไข้ เช่น หมอแนะนำว่า ต้องลดความอ้วนนะจะได้ไม่ปวดเข่า นั่นหมายความว่า หมอต้องไม่อ้วน คุณต้องไม่ดื่มเหล้านะเพราะไม่ดี ผมก็ไม่กินเหล้า ผมแนะนำว่า อย่าสูบบุหรี่นะ ผมก็ไม่สูบบุหรี่ เพราะฉะนั้นผมพิจารณามาแล้วว่า ดี นั่นหมายถึง ผมก็ไม่ทำ"

- ที่มาของคลิปคัฟเวอร์เพลงรักติดไซเรน หมอฉลาม VS หมอเบิร์ด

หมอเบิร์ด : ธรรมชาติผมก็เป็นชอบเต้น ชอบแสดงออกตอนเรียนหมออยู่ ก็จะไปคิดท่าให้ลีดบ้าง สอนเต้นบ้าง เผอิญว่ามีคนบอกว่า บางมุมผมเหมือนน้องสกาย ผมก็เลยเออ ลองเต้นดู ก็แกะท่าเต้นน้องเขาอยู่ 2 วัน

- ที่มา #หมอเป็นคนตลก #คำคมหมอเบิร์ด

หมอเบิร์ด : ผมว่ามันแสดงความเป็นตัวตนของเรา ไม่อยากให้คนไข้เครียด อยากให้คนที่ติดตามโซเชียลของเรา ยิ้มได้ ไม่เครียด #หมอเป็นคนตลก ผมจะโพสต์แบบตลก มีคำคม ผมชอบแต่งกลอนเลยมีคนชอบ และติดตามเยอะ เป็นแนวตลกปนอ่อยอะไรแบบนี้ คนที่ติดตามก็จะเข้ามาคอมเมนต์พูดคุยกันสนุกสนาน