เปิดใจ หนุ่มเพชรบูรณ์ มุมานะ เช้าเรียน เย็นทำงาน เสาร์อาทิตย์ไม่เคยหยุด อดทนจนจบปริญญา เผยพ่อแม่เหนื่อยกว่าผมเยอะ เตรียมสานฝันเป็นข้าราชการ เจ็บไข้พ่อแม่จะได้รักษา
จากกรณีที่โลกออนไลน์ มีการแชร์เรื่องราว เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีฐานะยากจน แต่มีความใฝ่เรียนรู้ต่อสู้ชีวิต แม้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา กยศ. ก็ไม่ให้กู้ยืม ต้องหันไปทำงานล้างจานหาเลี้ยงตนเอง และเรียนหนังสือนั้น
ล่าสุด นายธีรพงศ์ สังข์แสง หรือ เปา อายุ 25 ปี เปิดเผยกับ "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ว่า ปัจจุบันตนเรียนจบ และทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่สนามกีฬาประจำอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ โดยโลกโซเชียลแพร่ข้อมูลของตนไปนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปพอสมควร จริงๆ แล้วตนไม่ได้ไปรับจ้างล้างจานที่กรุงเทพฯ ส่วนที่ว่า กยศ.ไม่ได้ให้ทุนกู้ยืมเงิน ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ กยศ.ก็ตำหนิมานิดหน่อย ซึ่งตนก็ไม่มีเจตนาให้เป็นอย่างนั้น
ส่วนเรื่องฐานะของครอบครัวที่ว่ายากจนนั้นก็เรื่องจริง ตนจึงได้ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนด้วยการออกไปทำงานช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเป็นลูกจ้างร้านหมูกระทะ และร้านอาหารต่างๆ ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ตนเองก็ไปรับจ้างหักและปลูกข้าวโพด ถอนหญ้าแล้วแต่จะมีใครมาจ้างก็รับทำทุกอย่างเพื่อหาเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนโดยไม่ไปรบกวนพ่อแม่ ก็ตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง เพื่อเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างเรียน
...
ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะเข้าเรียนที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเพชรบูรณ์นั้น ก็ได้ไปสอบไว้หลายที่ และได้สอบติดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ต่อมาภายหลังเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ดได้ไม่กี่วัน ก็ต้องกลับมาบ้านเพราะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ
โดยตนเองนั้นมีความใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นนักดนตรี จากนั้นจึงได้สอบและเข้าเรียนต่อคณะศึกษาศาสตร์ เอกพลศึกษา ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์ และขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านลุงที่อยู่ใกล้ๆ กับสถาบัน กระทั่งเรียนจบและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เมื่อวันที่ 7 ส.ค.62 ที่ผ่านมานี้
"แม้ผมจะจน ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาชีวิต ผมคิดแค่ว่าพ่อแม่ผมต้องลำบาก ตรากตรำทำงานหนักส่งเสียผมได้เล่าเรียนตั้งแต่เล็กจนโต และคิดเสมอว่าพ่อแม่ทำงานเหน็ดเหนื่อยกว่าผมหลายเท่านัก"
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันหลังเรียนจนจบ ก็เป็นลูกจ้างเหมารายเดือนของเทศบาลตำบลวังชมภู ทำหน้าที่ดูแลสนามกีฬาประจำอำเภอ แต่ก็ไม่ละทิ้งอาชีพราชการที่ใฝ่ฝัน เพราะจะได้มีสวัสดิการให้กับพ่อแม่ที่แก่ชราลงทุกปีๆ และอยากให้พ่อแม่มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายกว่าทุกวันนี้ ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวของตนถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล ก็มีผู้ใจบุญหยิบยื่นความช่วยเหลือบ้าง
นายนิด สังข์แสง อายุ 64 ปี และนางชลอ ภู่ระย้า อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของธีรพงศ์ เล่าว่า ผมและเมีย เผาถ่านขาย และปลูกกล้วยน้ำว้าเป็นอาชีพ แต่ถ้าใครจะว่าจ้างอะไรก็ไปหมด ส่วนบ้านก็อาศัยที่ดินของน้องสาวสร้างบ้านหลังเล็กๆ ไว้อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันผุพังทรุดโทรมมาก หลังคาก็รั่วหลายแห่ง หากฝนตกก็ต้องมานอนเบียดกัน แต่ก็ไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา และมีความภาคภูมิใจในตัวลูกชายเป็นอย่างมาก
"ผมกับเมียไม่มีทรัพย์สินเงินทองให้ แต่ลูกก็ไม่เคยเกเร เป็นเด็กกตัญญูใฝ่เรียนรู้ดิ้นรนขวนขวายหางานทำ เพื่อส่งตนเองเรียนหนังสือจนจบปริญญา วันที่เขารับปริญญาก็ไม่ได้ไปด้วย เพราะไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีตามที่เขาใฝ่ฝันคือ รับราชการ เพื่อจะได้มีความเป็นอยู่และอนาคตที่ดี"