สาวแชร์ประสบการณ์ ลูกสาว 11 ขวบ บ่นปวดหลัง ปวดไหล่ ไปหาหมอเอกซเรย์พบกระดูกสันหลังคด และคดเพิ่มจนเป็นตัว S ต้องผ่าตัดรักษา พร้อมใส่เสื้อเกราะพยุงไว้อีก 3 เดือน 

สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ชื่อ pimmyaom ได้โพสต์กระทู้ เล่าประสบการณ์ การรักษาลูกสาว วัย 11 ขวบ ซึ่งป่วยกระดูกสันหลังคด โดยหมอบอกว่า โรคนี้เด็กเป็นกันเยอะ

โดย คุณแม่ เล่าย้อนไป 28 มีนาคม 2561 ลูกสาวชอบบ่นว่าปวดหลัง ปวดไหล่ แรกๆ ก็นวดให้ เพราะเข้าใจว่า กระเป๋านักเรียนลูกคงหนักเกินไป กระทั่งเริ่มสังเกตเห็นหลังของลูก ช่วงสะบักแขนข้างขวาโค้งออกมา ไม่เรียบเหมือนหลังปกติ จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ และเมื่อเอกซเรย์แล้ว จึงพบว่า ลูกกระดูกสันหลังคด ประมาณ 20 องศา ซึ่งหมอบอกว่า ยังไม่เป็นไร ถ้าไม่คดเพิ่ม จึงนัดใหม่ 6 เดือน ให้มาตรวจอีกครั้ง

3 ตุลาคม 2561 ไปพบคุณหมอครั้งที่ 2 ตามนัด ผลเอกซเรย์ หมอบอกว่าคดเพิ่มเป็น 30 องศา แต่หมอยังขอดูต่ออีก 6 เดือน ว่ามีแนวโน้มจะหยุดคดหรือไม่ แม่เริ่มเครียด พร้อมกับกลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ เพราะหมอบอกว่า จะเป็นมากในช่วงที่เด็กเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งหลายๆ ครั้งก็ไม่สามารถบอกสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่าเกิดจากอะไร ถามว่าเกี่ยวกับกระเป๋าหนักไหม หรือเป็นเพราะเด็กชอบนั่งงอตัว คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยวกัน

จากนั้นอีก 6 เดือน 20 มีนาคม 2562 ซึ่งครบ 1 ปีเต็มที่พบอาการ ลูกถูกส่งตัวไปตรวจกับอาจารย์หมอ หลังการตรวจ พบว่ากระดูกคดเพิ่มเป็น 40 องศา ซึ่งหมอบอกคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว จะใส่เสื้อเกราะดามไว้ หรือผ่าตัด ซึ่งที่โรงพยาบาลไม่สามารถผ่าตัดได้ เนื่องจากเครื่องมือไม่พร้อม และน้องก็ยังไม่มีประจำเดือน หมายความว่า ร่างกายน้องยังไม่หยุดโต การผ่าตอนนี้ อาจจะมีปัญหาตามมา ฟังถึงตอนนี้ ได้แต่เข่าอ่อน สงสารลูก กระทั่งลูกสาว ยื่นมือมาจับหน้า แล้วบอกว่า "แม่อย่าทำหน้าแบบนี้" ทำให้ต้องฝืนยิ้มออกมา คิดว่า เพื่อลูกเราจะผ่านไปด้วยกัน

...

จากนั้นวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ลูกถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง โดยเอกซเรย์พบว่า กระดูกหลังคด 54 องศา มันคดมาก เป็นตัว S เลย ซึ่งจำเป็นต้องผ่าเลย ซึ่งก็มีการนัดมาทำ MRI ก่อนนัดผ่าตัด 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

หลังจากที่ตกลงกับคุณหมอได้ว่าจะผ่าตัดเดือนหน้า คุณหมอเลยให้ไปทำเอกสาร ส่งตัวไปทำ MRI ข้างนอก เพราะถ้ารอคิวทำ MRI ที่โรงพยาบาลต้องรออีก 4 เดือน ซึ่งมันไม่ทัน จากนั้นวันที่ 2 พฤษภาคม ก็นำผล MRI มาให้คุณหมอ ก่อนที่คุณหมอจะนัดให้มาแอดมิท รอการผ่าตัด สุดท้ายได้คิวผ่า วันที่ 28 พฤษภาคม โดยก่อนผ่าตัด หมอมามาร์คจุดด้านหลังของลูก ก่อนบอกตนว่า "แผลยาวหน่อยนะคะ แม่ไม่ต้องตกใจนะ" 

หลังจากการผ่าตัด หมอบอกน้องเสียเลือดไป 300-400 cc ต้องคอยเจาะเกล็ดเลือดตรวจ ถ้าเลือดจาง ต้องให้เลือด และต้องย้ายมาอยู่ห้องพิเศษรวม เพื่อสังเกตอาการ โดยลูกบ่นปวดหลังตลอด หมอจึงสั่งยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ เป็นพวกมอร์ฟีน ผลข้างเคียงคือจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน

วันที่ 1 หลังการผ่าตัด ลูกยังต้องให้ออกซิเจน เพราะเสียเลือดมาก แขนซ้ายเจาะสายน้ำเกลือ แขนขวาเจาะสายยาแก้ปวด ข้างหลังมีสายเดรนระบายเลือด ใส่ท่อปัสสาวะ แต่โดยรวมอาการดีขึ้นมาก หมอมาเปิดแผลดู บอกแผลสวย ไม่บวม และไม่มีเลือดซึม 

วันที่ 6 หลังผ่าตัด น้องยังลุกไม่ได้ แม่เลยยังต้องคอยช่วยทุกอย่างทั้งเช็ดตัว เปลี่ยนผ้า แปรงฟัน ป้อนข้าว พลิกตัว เวลาเช็ดก้นให้ น้องจะถามว่า "แม่ไม่รังเกียจหรอ" เราจะตอบลูกด้วยคำตอบเดิมๆ ด้วยการยิ้ม แล้วบอกว่า "จำไว้ว่า แม่รักลูกของแม่มากนะลูก" 

เข้าสู่วันที่ 7 หมออนุญาตให้ลุกขึ้นนั่งได้เป็นครั้งแรก หลังผ่าตัด และวันนี้ ลูกได้ใส่เสื้อเกราะ เพื่อประคองหลัง โดยหมอบอกว่าช่วง 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด จะต้องใส่เสื้อเกราะประคองไว้ตลอด ยกเว้นตอนนอน จากนั้นวันรุ่งขึ้น แพทย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็นัดตรวจแผลเป็นระยะ

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีเพื่อนสมาชิกเว็บไซต์พันทิป เข้ามาให้กำลังใจคุณแม่ กับลูกสาวเป็นจำนวนมาก และว่าขอให้สู้ต่อ อายุยังน้อย.

(อ่านโพสต์ฉบับเต็ม ที่นี่)

ที่มาจาก เว็บไซต์ pantip.com