จับตา “โรคไข้หวัดใหญ่” ระบาด หนักแน่ หลังพบผู้ป่วยสูงตั้งแต่ ต้นปีพุ่ง 1.52 แสนราย ตายแล้ว 10 ราย คาดปี 62 ป่วยเกิน 2 แสนรายและอาจพุ่งสูงถึง 1 ล้านคน ห่วงหน้าฝน-เปิดเทอมยิ่งเพิ่มการระบาดของโรค จากนักเรียนสู่ครอบครัว เสนอกระทรวงสาธารณสุขฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มเด็กนักเรียน ช่วยลดระบาดสู่ครอบครัว 60% ย้ำหากมีไข้สูงเกิน 24-48 ชม.ควรพบแพทย์ รักษาเร็ว ยิ่งลดรุนแรง ลดแพร่เชื้อ

เป็นอีกหนึ่งโรคที่คนไทยมักป่วยกันมาก ทั้งนี้ ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานแถลงข่าวสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยและแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ ว่าคนมักเข้าใจว่า โรคไข้หวัดใหญ่ไม่ร้ายแรง สามารถหายได้เอง แต่จริงๆแล้ว หากวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องรีบรักษาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัว และป้องกันความรุนแรงของโรคที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงต้องหมั่นสังเกตอาการตนเองและคนรอบข้าง หากมีไข้สูงเกิน 24 ชั่วโมง ให้รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง จะช่วยลดระยะ เวลาการเจ็บป่วยลงและการแพร่ระบาดไปพร้อมกัน

ด้าน รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่นั้นเดาความรุนแรงได้ยาก เพราะแม้จะเป็นเชื้อตัวเดียวกัน ทว่าแต่ละคนมีอาการรุนแรงมากน้อยต่างกัน ทำให้คนเข้าใจว่า โรคไข้หวัดใหญ่หายได้ด้วยตัวเองและไม่รุนแรงมาก ข้อเท็จจริง คือยิ่งรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้เร็ว จะยิ่งลดอาการรุนแรง อาการแทรกซ้อน ลดการเสียชีวิต ดังนั้น ข้อแตกต่างระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้หวัดธรรมดา คือ หากมีอาการไข้สูงนาน 24-48 ชั่วโมง ควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

...

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าวอีกว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้พบว่าตั้งแต่ 1 ม.ค.-7 พ.ค.2562 มีผู้ป่วย 152,185 ราย เสียชีวิต 10 ราย จำนวนการระบาดถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังและสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560-2561 ประมาณ 3-5 เท่า ช่วงหน้าแล้งที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่จำนวนมาก ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ในปีนั้นจะมีโรคไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออกระบาดเยอะมากขึ้น ปีนี้คาดว่าจะมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ตลอดทั้งปีสูงถึง 2 แสนราย แต่ตัวเลขน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะเมื่อคำนวณจากทั่วโลกจะพบว่า ผู้ใหญ่จะป่วยอยู่ที่ประมาณ 10 ใน 100 คน ส่วนเด็กจะป่วยอยู่ที่ 40% ภาพรวมจะป่วยเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ไทยมีประชากรราว 70 ล้านคน ตัวเลขคนป่วยจริงๆอาจจะถึง 1 ล้านคน

“ยิ่งขณะนี้ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะเข้าสู่ช่วงของหน้าฝนและเปิดเทอม การที่เด็กมาอยู่รวมกันและไม่ได้มีการรักษาอนามัยความสะอาด จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังคนในครอบครัวได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยง รวมถึงกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน-3 ปี ตนมีแนวคิดที่จะเสนอให้กระทรวงสาธารณสุข ฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเด็กนักเรียนทั้งหมด ที่เชื่อว่าจะช่วยลดการระบาดไปยังคนในครอบครัว ขณะนี้การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ของไทยอยู่ในการทดสอบขั้นสุดท้าย คาดว่าภายใน 2-3 ปีจะมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตและใช้เองที่จะนำมาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้” รศ. (พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เดิมจะมีการใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ที่ช่วยยับยั้งไม่ให้ไวรัสเจริญเติบโตแต่ต้องรับประทานหลายวัน แต่ขณะนี้มีการพัฒนานวัตกรรมยาใหม่ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว เป็นยาที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ ซึ่งรับประทานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเริ่มมีการใช้แล้วใน รพ.เอกชน 3-4 แห่ง แต่ยังมีราคาค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีโรงพยาบาลอื่นๆ ทยอยนำมาใช้อีก เพราะยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงน้อยและรับประทานเพียงครั้งเดียว