เลขาฯ อย. แจงยกเลิกใช้ไขมันทรานส์ในปี 62 ทั้งการผลิตในประเทศและนำเข้า ลดความเสี่ยงคนไทยเป็นโรคหัวใจ จากอาหารของทอด โดนัท พัฟฟ์ พาย เป็นอันตรายต่อร่างกาย...
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไขมันทรานส์ และอาหารที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน ว่า ไขมันทรานส์เป็นไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มักใช้กับอาหารกลุ่มของทอด เช่น โดนัท พัฟฟ์ พาย เป็นต้น โดยมีการเอามาใช้ในทางอุตสาหกรรม เพราะทำให้กลิ่นหืนหายไป และเก็บอาหารได้นานขึ้น แต่ภายหลังมีข้อมูลว่า เมื่อรับประทานไปนานๆ จะเกิดการสะสมและเพิ่มความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีการยกเลิกไม่ใช้ไขมันทรานส์ไปแล้ว
ส่วนในประเทศไทยที่ผ่านมา อย.ได้หารือร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากไขมันทรานส์ เพื่อวางแผนยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ในกระบวนการผลิตอาหารมา 2-3 ปีแล้ว หลังจากที่มีการหารือกับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจนลงตัว โดยทางผู้ผลิตขอเวลาประมาณ 6 เดือนในการปรับตัวเพื่อยกเลิกการผลิตที่มีการใช้ไขมันทรานส์นั้น จึงได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วันที่ประกาศ หรือ 6 เดือน โดยจะเริ่มได้ในช่วงปีหน้า เดือนมกราคม 2562 ประเทศไทยจะไม่มีการการใช้ไขมันทรานส์ในการผลิตอาหารอีก เพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพประชาชน และน่าจะลดเรื่องโรคหัวใจในคนไทยลงไปได้จำนวนมาก
...
ทั้งนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการบางส่วนมีการเตรียมตัวมานานแล้ว บางรายอาจใช้เวลา 3-4 เดือน สามารถเปลี่ยนการผลิตโดยไม่ใช้ไขมันทรานส์ได้ ส่วนระหว่างนี้ขอให้ประชาชนเลี่ยงอาหาร เช่น พวกโดนัท พัฟฟ์ พาย ต่างๆ หรืออาหารหวานมาก มันมาก เค็มมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการรับไขมันทรานส์ ส่วนตั้งแต่มกราคม 2562 เป็นต้นไป ไม่จำเป็นต้องมาดูฉลากว่ามีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบหรือไม่ เพราะเราห้ามทั้งหมดทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ต้องไม่มีการใช้ไขมันทราส์เป็นส่วนประกอบอีกต่อไป.