เวลาช่างแสนทรมานสิ้นสุดเสียที! ลุงวัย 54 ปี ชีวิตรันทด ออกหางานทำกับถูกหลอกให้ลงเรือหายไปเกือบ 30 ปี ไม่ได้ค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว ปั่นจักรยาน 15 วัน เพื่อกลับบ้านคิดถึงครอบครัวและลูก
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.61 นายเถลิง ยงพูเขียว อายุ 54 ปี ชาว ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ตนออกจากบ้านไปหางานทำต่างจังหวัดตั้งแต่ปี 2532 เริ่มทำงานช่างเชื่อมที่จังหวัดระยอง จากนั้นไปจังหวัดสระบุรี แล้วแต่ว่าจะมีงานให้ทำที่ไหน จนกระทั่งไปทำงานที่โรงปูนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร กลับไม่ได้รับเงินค่าจ้าง เหลือเงินติดตัวเพียง 60 บาท
เมื่อมีคนชวนลงเรือประมงจึงตัดสินใจไปกับเขา ซึ่งมีแรงงานบนเรือทั้งหมด 68 คน แต่ก็ไม่ได้ค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว การเป็นอยู่สุดทรมาน งานหนัก มีการต่อยตีกัน มีการโยนแรงงานลงทะเล อยู่แต่บนเรือไม่ได้ขึ้นบกเลย
นายเถลิง กล่าวอีกว่า เมื่อเรือขึ้นฝั่งที่จังหวัดพังงา หลังเวลาผ่านไปกว่า 15 ปี จึงโบกรถสิบล้อเพื่อเข้าใกล้กรุงเทพฯให้มากที่สุด ไม่มีเงินติดตัว บัตรประชาชนก็ไม่มี มาหารับจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ เลี้ยงชีพที่จังหวัดนครปฐม เมื่อมีเงินพอก็ซื้อรถจักรยานปั่นกลับบ้าน เพราะคิดถึงครอบครัวและลูกที่ทิ้งไปตั้งแต่ลูกยังเล็ก
...
อย่างไรก็ตาม ตนได้ปั่นจักรยานจากจังหวัดนครปฐม แวะนอนตามป้อมตำรวจ ปั๊มน้ำมัน ศาลาวัด ใช้เวลา 15 วันจึงมาถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่มาถึงแล้วก็ไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูลูกเลย จนกระทั่งมีคนรู้จักที่จำตนได้จึงไปบอกลูกสาว ลูกสาวจึงออกมารับกลับเข้าบ้าน ซึ่งตนดีใจที่สุดในชีวิตที่ได้กลับบ้านครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี
นางสาวนัทธ์มน ยงพูเขียว อายุ 31 ปี ลูกสาวนายเถลิง กล่าวว่า พ่อจากไปตั้งแต่ตนอายุไม่กี่เดือน กลับมาเยี่ยมบ้าน 1 ครั้งตอนอายุ 2 ขวบ และไปทำงานอีกก็ไม่กลับมาอีกเลย ไม่ได้รับรู้ข่าวสาร ส่วนแม่ก็เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนอายุเพียง 3 เดือน จึงอยู่กับปู่ย่ามาตลอด เมื่อป้ามาบอกว่าพ่อกลับมาแล้ว รู้สึกดีใจมาก ตอนที่ไปรับก็จำไม่ได้ ก็ถามว่านี่ใช่พ่อแดงหรือเปล่า เมื่อพ่อบอกว่าใช่ก็พามาบ้าน ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้เจอหน้าพ่ออีก
นายณรงค์ฤทธิ์ คงเลิศ อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ่อทอง กล่าวว่า ครอบครัวของนายเถลิง เคยไปแจ้งความบุคคลสูญหายเมื่อปี 2553 ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ก็ช่วยสืบหา จนทราบว่าไปลงเรือประมงแล้วหายไป ไม่ติดต่อกลับมาเลย อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ ที่ 26 มี.ค. นี้ จะพานายเถลิง ไปแสดงตนเพื่อขอทำบัตรประชาชนที่ที่ว่าการอำเภอทองแสนขัน ซึ่งน่าจะไม่มีปัญหา เพราะมีชื่อในทะเบียนบ้านอยู่แล้ว
ด้าน พ.อ.สมัย ขำพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก กล่าว การดูแลนายเถลิงจะต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ร่างกายและจิตใจ การตรวจในเบื้องต้น สภาพร่างกายค่อนข้างแข็งแรง แต่มีปัญหาสุขภาพฟัน เพราะไม่ได้พบหมอฟันมานานหลายสิบปี มีฟันหลุด ฟันผุหลายซี่
อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลจะมารับตัวไปทำฟันปลอม อุดฟัน ขูดหินปูนตัวไป และจะเจาะเลือดดูภาวะการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามิน เนื่องจากอยู่ในเรือมานาน คงไม่มีผัก ผลไม้รับประทาน รวมถึงตรวจโรคมะเร็งลำไส้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคเสี่ยงของผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไปด้วย
สำหรับ สภาพจิตใจต้องตรวจภาวะความเครียด จากการที่จากบ้านไปนานๆ และต้องอยู่ในพื้นที่จํากัด มีภาวะที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลานานหลายปี หากมีภาวะเครียดจะมีทีมจิตเวช มาช่วยดูแลเพิ่มเติม เบื้องต้นคนไข้ต้องการพึ่งตนเองและอยากมีงานทำ ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลต่อไป