พสกนิกรทั่วหล้า ทําบุญ-ตักบาตร ร่วมใจ"จุดเทียน" ยืนสงบ 89 วินาที
ในหลวง-พระราชินีเสด็จฯทรง บำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประจำปี 2562 ขณะที่พสกนิกรชาวไทยทั่วหล้า ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการพร้อมใจสวมเสื้อเหลืองออกมาร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ทำกิจกรรมจิตอาสา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง ร.9 ด้าน รพ.ศิริราช จัดงาน “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” ถวายสักการะอันทรงเกียรติจากเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมจุดเทียนน้อมรำลึก ก่อนร่วมร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” แทนคำมั่นจะสืบสานพระราชปณิธานดังกึกก้อง
ปวงชนชาวไทยพร้อมใจน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อปวงประชาอย่างอเนกอนันต์ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ครบ 3 ปี เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2562
ในหลวงเสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศล
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค. พระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระ กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวง
ราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น มายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พุทธศักราช 2562
การนี้ เสด็จเข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาท สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐ มรามาธิบดินทร และพระอัฐิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระสงฆ์ 89 รูป สวดพระพุทธมนต์จบแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีล และถวาย พระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ แล้วทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์และที่ถวายพระธรรมเทศนา สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ไทยทั่วหล้ารำลึกถึง ร.9 มิรู้คลาย
ขณะเดียวกัน พสกนิกรไทยทั่วทุกภาค ต่างพร้อมใจร่วมพิธีทำบุญตักบาตรและทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ถวายเป็นพระราชกุศล และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ในหลวง ร.9 กันอย่างพร้อมเพรียง โดยที่ จ.เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรพระจำนวน 89 รูป ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา อ.เมือง มีหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ทหาร ตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมแสดงความจงรักภักดี และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ยะลา นราธิวาส พระนครศรีอยุธยา และชลบุรี ประชาชนร่วมใจออกมาทำบุญในวันสำคัญ

นายกฯนำทำบุญ-วางพวงมาลา
ส่วนใน กทม.ตั้งแต่เช้า ที่ท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 489 รูป เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีรักษาการประธานองคมนตรีและภริยา องคมนตรีและภริยา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญและภริยา คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคู่สมรส หน่วยราชการในพระองค์ ผู้ว่าฯ กทม.ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร.และหัวหน้าส่วนราชการอิสระ ร่วมพิธี แล้วต่อด้วยเป็นประธานพิธีวางพวงมาลาและถวายความเคารพด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง ร.9

ชมการทำงานจิตอาสาดูแลคลอง
หลังเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาดคู คลอง ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณโรงเรียนช่างอากาศอำรุงและวัดธรรมาภิรตาราม เขตบางซื่อ โดยเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ “สายน้ำแห่งความห่วงใย สู่ไทยทั่วหล้า” และข้ามไปยังคลองเปรมประชากร ทำกิจกรรมฉีดน้ำใส่สารออร์แกนิกผสมจุลินทรีย์ ณ คลองเปรมประชากรเพื่อบำบัดน้ำเสีย ต่อด้วยข้ามมายังหน้าวัดธรรมา–ภิรตาราม เพื่อทำกิจกรรมจิตอาสาปรับภูมิทัศน์ ทาสีรั้วริมถนน แล้วเข้าสักการะหลวงพ่ออู่ทองภายในพระอุโบสถ และกราบนมัสการพระครูโกศลธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดธรรมาภิรตาราม (สะพานสูง บางซื่อ) พร้อมถวายเครื่องไทยธรรม และตรวจเยี่ยมกิจกรรมจิตอาสาบริเวณคลองด้านข้างพระอุโบสถ โดยนายกฯได้ร่วมทำความสะอาดด้านหน้าพระอุโบสถ แล้วไปยังโรงเรียนวัดธรรมาภิรตาราม เยี่ยมชมกิจกรรมสาธิตการทำถังดักจับไขมัน

เหล่าทัพจัดบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน
ขณะที่เหล่าทัพต่างจัดงานรำลึกวันคล้ายวันสวรรคตในหลวง ร.9 อย่างพร้อมเพรียง โดยที่กองบัญชาการกองทัพไทย มีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป จากวัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน โดยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูปจากวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ สมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย และกำลังพลของกองบัญชาการกองทัพไทย เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่กองทัพบกจัดพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป จากวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 กองบัญชาการกองทัพบก จากนั้นจึงกระทำพิธีสวดพระพุทธมนต์ ณ ห้องรับรอง 221 กองบัญชาการกองทัพบก โดยนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 10 รูป เช่นเดียวกับที่ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศล ครบรอบ 3 ปี วันสวรรคต รัชกาลที่ 9 โดยมีผู้บังคับบัญชา และข้าราชการตำรวจเข้าร่วมในพิธี แล้วต่อด้วยพิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 89 รูป
วัดพระราม 9 จัดทำจิตรกรรมฝาผนัง
ส่วนที่วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กทม.ตั้งแต่เช้าตรู่ พุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมตักบาตรพระภิกษุสามเณร 100 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ในหลวง ร.9 จากนั้นเวลา 10.00 น. พระธรรมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก พร้อมด้วยนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกันแถลงข่าวการนำเรื่องราวพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและปรัชญาการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ตลอดระยะเวลาครองราชย์ 70 ปี จำนวน 65 ตอน มาจัดทำเป็นจิตรกรรมฝาผนังระเบียงวัดพระราม9 แนวศิลปะร่วมสมัย ขนาดความสูง 2.20 เมตร ยาว 50.23 เมตร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้พระราชปณิธานและปรัชญาการทรงงานของพระองค์ รวมถึงให้อนุชนรุ่นหลังได้รับทราบถึงพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงปฏิบัติเพื่อประชาชนชาวไทย ซึ่งภาพทั้งหมดออกแบบโดย พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร และนายมณเฑียร ชูเสือหึง จิตรกร เชี่ยวชาญ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร พร้อมคณะจิตรกรผู้เชี่ยวชาญงานจิตรกรรมฝาผนัง โดยจัดสร้างภาพจิตรกรรมฝาผนังครั้งนี้ มูลนิธิชัยพัฒนาและวัดมีงบประมาณในการจัดสร้าง แต่คณะกรรมการฯคิดว่าน่าจะมีผู้มีจิตศรัทธามีความประสงค์อยากร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย จึงขอแจ้งให้ทราบว่า ประชาชน องค์กร บริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญกุศลในครั้งนี้ สามารถร่วมทำบุญในได้ แม้กระทั่งบาทเดียวก็นับเป็นกุศล
ทั้งนี้ ช่องทางการร่วมทำบุญ มี 3 ช่องทาง ประกอบด้วย 1.ตู้รับบริจาค โครงการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังฯ ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก 2.โอนเงินบริจาคทางบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เลขที่บัญชี 059-8-14733-7 และ 3.บริจาคผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด

แห่มาที่ รพ.ศิริราชเนืองแน่น
ขณะเดียวกัน ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธานงาน “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” ปีที่ 3 ตามรอยพ่อ เพื่อบำเพ็ญกุศลและน้อมรำลึก เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยตั้งแต่เวลา 06.00 น. มีพิธีทำบุญ ตักบาตรพระสงฆ์ 39 รูป โดยมีประชาชนบริเวณใกล้เคียงและจากทั่วทุกสารทิศจำนวนมากมาร่วมทำบุญ ตั้งแต่ประตูห้องอุบัติเหตุ รพ.ศิริราช มาตามเส้นทางถนนวังหลัง เข้าประตู 8 สู่ถนนบวรสถาน–พิมุข มายังลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลา ธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดยทุกคน พร้อมใจใส่เสื้อเหลืองและนำพระบรมฉายาลักษณ์มาถือแนบอกร่วมใส่บาตรเพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์
ทรงเป็นต้นแบบแห่งความดี
ทั้งนี้ ศ.นพ.ประสิทธิ์นํากล่าวสดุดีความตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีแห่งการครองราชย์ ไม่เคยมีวันใดที่พระองค์ว่างเว้นจากการทรงงาน และไม่คำนึงถึงประโยชน์สุขของคนไทย ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ได้พระราชทานแนวพระราชดำริด้านต่างๆ และทรงวางแนวทางต่างๆไว้เป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศชาติ ให้คนไทยอยู่ดี กินดี มีความสุขกันถ้วนหน้า และยั่งยืนจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากโครงการพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการ ก่อให้เกิดคุณอนันต์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง พระองค์ทรงเป็น “ต้นแบบแห่งความดี”
ขอให้ตั้งใจสานต่อรอยธรรม
พร้อมกันนี้ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวเชิญชวนให้ชาวไทย ถือโอกาสอย่างน้อย ในหนึ่งวันนี้ ย้อนนึกถึงพระบรมราโชวาท หรือสิ่งที่ พระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจ สิ่งที่เราตั้งใจจะสานต่อตามรอย “ธรรมดีที่พ่อทำ” มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต นอกจากจะสร้างประโยชน์สุขส่วนตน ย่อมช่วยเสริมสร้างประเทศชาติให้เจริญขึ้น อย่างยั่งยืน และยังระบุว่า ศิริราชกำหนดให้ทุกวันที่ 13 ต.ค. ของทุกปีจัดกิจกรรม “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” อันหมายถึงการน้อมศีรษะลงกราบรัชกาลที่ 9 และสิ่งที่อยากจะสื่อความหมายมากกว่ากิจกรรมนี้คือ อยากให้ทุกคนกลับไปศึกษาพระบรมราโชวาท หรือพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็แล้วแต่ อย่างน้อยหยิบสักหนึ่งเรื่องแล้วให้ตั้งใจว่า 1 ปีนับจากนี้ฉันจะทำเรื่องนั้น ฉันจะตามรอยพ่อ และวันที่ 13 ต.ค.ปีหน้า คนไทยที่ตั้งจิตแบบนี้ได้กลับมานึกถึงว่าในปีที่ผ่านมา เราได้น้อมนำสิ่งที่พระองค์ให้ไว้ มาปฏิบัติหรือไม่ และทำต่อไป
ทุกคนร่วมยืนสงบนิ่ง 89 วินาที
จากนั้นผู้ร่วมพิธียืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ซึ่งประชาชนที่ร่วมพิธีบางคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์แนบอกน้ำตาคลอด้วยความอาลัย ซึ่งหลังจากนั้นจนถึงเที่ยง มีพิธีบําเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ณ ห้องสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G ขณะเดียวกัน ที่ศาลาศิริราช 100 ปี มีการบรรเลงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ โดยนักดนตรีจิตอาสา
3 หลักสำคัญในการตามรอยพ่อ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ศาลาศิริราช 100 ปี นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ตามรอยพ่อ” ตอนหนึ่งว่า การก้าวเดินตามในหลวง ร.9 ให้เกิดประโยชน์ จะต้องนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติจริง ซึ่งตนรวบรวมคำสอนและสรุปออกมา 27 ข้อ แบ่งเป็น 3 หลัก ได้แก่ หลักธรรม หลักคิด หลักปฏิบัติ โดยหลักธรรม ได้แก่ 1.ซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ เป็นเรื่องที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญมาก เพราะตราบใด ที่บ้านเมืองยังมีการทุจริต เราก็จะไม่เจริญ 2.อ่อนน้อมถ่อมตน 3.ความเพียร เรื่องนี้ทรงทำให้ประชาชนไทย เห็นมาตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ ที่พระองค์ทรงงานเพื่อพสกนิกรโดยไม่เคยทรงบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่ครั้งเดียว 4.รู้รัก สามัคคี 5.ทำเรื่อยๆ ทำแบบ สังฆทาน คือ ทรงทำเพื่อประชาชนทุกกลุ่มโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร 6. มีความสุขในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
จากหลักธรรมนำไปสู่หลักคิด
นายสุเมธกล่าวต่อว่า จากหลักธรรมได้นำไปสู่หลักคิด คือ 7.ศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำงาน อย่างผู้รู้จริง ซึ่งทุกครั้งที่พระองค์จะเสด็จฯลงพื้นที่จะต้องทรงศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนเสด็จฯเสมอ 8.ระเบิดจากข้างใน คือ ต้องให้ผู้รับมีความพร้อมที่รับ อย่ายัดเยียด 9.ทำตามลำดับขั้น 10.ยึดภูมิสังคม 11.ทำเป็นองค์รวม 12.ทำอย่างประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการสร้างวัดพระราม 9 ซึ่งเดิมมีการเสนองบก่อสร้างจำนวน 130 ล้าน แต่พระองค์ทรงต้องการให้เป็นวัดที่เรียบง่าย วัดพระรามเก้าจึงสร้างด้วยงบเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น โดยโบสถ์ที่วัดแห่งนี้ เป็นตัวอย่างของการสร้างโบสถ์ของวัดอื่นๆ ซึ่งใครๆก็เรียกกันว่าโบสถ์พอเพียง ใช้งบฯก่อสร้างเพียง 3 ล้านบาท 13.ขาดทุนคือกำไร 14.ปลูกป่าในใจคน เพื่อให้ชาวบ้านเป็นผู้ดูแลรักษาป่า ซึ่งจะดูแลได้ตลอด 24 ชั่วโมง 15.ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เช่น การปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันดินถล่ม 16.อธรรมปราบอธรรม เช่น การใช้ผักตบชวามาบำบัดน้ำเสีย 17.การทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 18.การพึ่งตนเอง 19.เศรษฐกิจพอเพียง
8 หลักปฏิบัติสู้ความทุกข์ยาก
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวอีกว่า สำหรับหลักปฏิบัติ ได้แก่ 20.การเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 21.แก้ปัญหาที่จุดเล็ก 22.ไม่ยึดติดตำรา 23.การมีส่วนร่วม เรื่องนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ก่อนมีโครงการพระราชดำริเสมอ 24.พออยู่พอกิน 25.บริการรวมที่จุดเดียว โดยเฉพาะระบบราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน 26.ร่าเริง รื่นเริง คึกคัก ครึกครื้น เรื่องนี้ทรงมีพระราชดำริว่า การทำงานต้องสนุกและทรงมีพระอารมณ์ขัน แหย่พวกเราให้หัวเราะอยู่เสมอ 27.ชัยชนะของการพัฒนา ซึ่งนำมาสู่การจัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อจะได้ให้ประชาชนร่วมกับพระองค์ต่อสู้กับความทุกข์ยากของประชาชน
“พระองค์เคยรับสั่งว่าการเป็นพระมหากษัตริย์นั้นเป็น 24 ชั่วโมง เป็นตำแหน่งที่อยู่ยอดพีระมิด แต่เมืองไทยพีระมิดหัวกลับ พระองค์อยู่ใต้ก้นกรวย ใครมีอะไรก็เทใส่ ทะเลาะเบาะแว้งกันก็ถวายฎีกาให้เดือดร้อนไปด้วย เพราะฉะนั้น หยุดเถอะครับแล้วหันกลับมานำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติ เพื่อตัวเราเองและลูกหลานของเราที่จะรู้รักแผ่นดินนี้ อาศัยกินอยู่ต่อไป” นายสุเมธกล่าว
น้ำตาไหลยามรำลึกนาทีสูญเสีย
จากนั้นช่วงเวลา 15.00-15.45 น. ที่ศาลาศิริราช 100 ปี มีพิธีสวดพระพุทธมนต์อุทิศถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี และเมื่อถึงเวลา 15.52 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ชาวศิริราชพร้อมประชาชน ทุกคนร่วมกันเจริญจิตภาวนา เป็นเวลา 9 นาที เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยก่อนเริ่มเจริญจิตภาวนาได้เกิดฝนตกลงมาเม็ดใหญ่ชั่วขณะและหยุดตกระหว่างพิธี ซึ่งหลายคนที่ยืนหลับตาสงบนิ่ง ถึงกับมีน้ำตารินไหลออกมา
เพลงความฝันอันสูงสุดดังกึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกช่วงสำคัญของงานครั้งนี้คือ “พิธีศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” ในเวลา 18.05 น. เป็นพิธีถวายสักการะอันทรงเกียรติจากคณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ นศ.แพทย์ ซึ่งพร้อมใจก้มกราบถวายบังคม 3 ครั้ง เพื่อร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 ต่อด้วยพิธีจุดเทียนน้อมรำลึก พร้อมขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” แทนคำมั่นสัญญาว่าจะมุ่งมั่นสืบสานพระราชปณิธาน โดยมีประชาชนร่วมพิธีอย่างคับคั่งเต็มลานพระราชานุสาวรีย์ฯ และร่วมร้องเพลงจนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ประหนึ่งเป็นการส่งใจไปถึงพระองค์บนสรวงสวรรค์

จุดเทียนน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในช่วงค่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีถวายบังคมและจุดเทียนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ครบ 3 ปี โดยมี นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วยประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและภาคประชาชน เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเข้าถึงมณฑลพิธี นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 จากนั้น นายกฯกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดการครองราชย์ 70 ปี ทำให้พสกนิกรชาวไทยสามารถดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกร่มเย็นและมั่นคงในทุกสถานการณ์ของบ้านเมือง และนำผู้ร่วมพิธีทั้งหมดจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเวลา 89 วินาที เสร็จแล้ว มีการเปิด วีดิทัศน์ประกอบเพลง “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” ก่อนเสร็จสิ้นพิธี