ศอฉ.ขยายเคอร์ฟิว 2 วัน 5 ทุ่มถึงตี 4 เตรียมย้าย ศอฉ.ไปอยู่กองทัพบกพรุ่งนี้ ตั้งจุดตรวจเข้ม 5 จุดสำคัญรอบราชประสงค์ คุมเข้มตั้งด่านกรุงเทพชั้นใน 16 ด่าน...
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 พ.ค. 2553 ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุมศอฉ.ในช่วงเช้าที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงในฐานะผอ.ศอฉ.เป็นประธานว่า การดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนจะมีใน 3 ลักษณะควบคู่กันไปคือ ลักษณะที่ 1 การจัดกำลังจากเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารของทุกเหล่าทัพปฏิบัติภารกิจร่วมกับตำรวจ และ เจ้าหน้าที่เทศกิจ โดยพื้นที่ที่รับผิดชอบคือ พื้นที่โดยรอบของแยกราชประสงค์ ซึ่งจะตั้งจุดตรวจสำคัญ 5 จุด ได้แก่ แยกราชประสงค์ แยกประตูน้ำ แยกศาลาแดง แยกเพลินจิต และแยกปทุมวัน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.ของวันนี้ ภารกิจคือ ดูแลความปลอดภัยระงับยับยั้งเหตุร้ายที่มีประชาชนมาร้องขอความช่วยเหลือในพื้นที่ดังกล่าว
“ลักษณะที่ 2 เรื่องการจัดกำลังสายตรวจของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร เป็นสายตรวจรถยนต์จะตรวจพื้นที่ต่างๆทั่วกรุงเทพทุกเส้นทางเริ่มตั้งแต่วันนี้ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งด่านตรวจในพื้นที่กรุงเทพชั้นนอก และปริมณฑล จำนวน 17 ด่าน ส่วนกรุงเทพชั้นในตั้งจุดตรวจ ด่านสกัด 16 ด่าน กำลังของทุกเหล่าทัพจะปรับกำลังออกไปควบคุมทั้ง 50 เขตของกทม. โดยแบ่งความรับผิดชอบเป็น 7 โซน ทั้งนี้ยังมีการรักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญที่มีข้อมูลข่าวสารว่าต้องดูแลเป็นพิเศษรวม 17 แห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช ทำเนียบรัฐบาล บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พระราชวังสวนจิตรลดา และสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ”พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกทม.กำลังเข้าไปฟื้นฟูระบบต่างๆในพื้นที่ราชประสงค์ ทั้งกล้องซีซีทีวี ไฟสัญญาณจราจร และความสะอาด คาดว่า จะประกาศให้ประชาชนใช้พื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียงภายในวันที่ 24 พ.ค.นี้เวลา 05.00 น. ส่วนเรื่องการประกาศห้ามออกเคหสถานในยามวิกาลนั้น จำเป็นต้องขอต่อระยะเวลาออกไปอีก 2 วัน คือ คืนวันที่ 23 พ.ค.-24 พ.ค.นี้ โดยมีการปรับเวลาเป็นตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ทำธุระในช่วงหัวค่ำ หลังจากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นช่วงๆเพื่อดูถึงความเหมาะสมว่า จะยกเลิกหรือขอประกาศต่ออีกกี่วัน ซึ่งการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานครั้งนี้รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย นอกจากนี้ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ศอฉ.จะย้ายที่ตั้งกองบัญชาการจาก ร.11 รอ. ไปอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยจะมีการประชุมศอฉ.วันละ 2 ครั้งเวลา 09.00 น.และ 17.00 น.
เมื่อถามว่า จะมีการยุบ ศอฉ. เมื่อไรนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะพิจารณาว่า มีความปลอดภัยหรือยัง แต่ในเวลานี้ยังไม่ได้คุยกัน ทั้งนี้ทางทหารยังไม่ได้ส่งคืนพื้นที่ให้ กทม. ในส่วนที่มีการส่งคืนนั้นเป็นเรื่องของการจัดการจราจรให้เป็นไปตามปกติ แต่ในเรื่องภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นทหารยังคงทำหน้าที่คู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีเจ้าหน้าที่เทศกิจไปอีกระยะหนึ่ง ยังไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะนานเท่าไหร่ แต่มีการปรับกำลังให้ลดน้อยลงตามความจำเป็นของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และในส่วนของทหารที่มีการปรับลดก็จะทยอยกลับเข้าที่ตั้งปกติ แต่บางส่วนอาจจะต้องสำรองไว้ในพื้นที่เขต กทม.และปริมณฑล เพื่อหมุนเวียนให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศอฉ. ยังมีความกังวลกลุ่มปฏิบัติการใต้ดินที่จะสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ แต่ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมาที่ยังมีการชุมนุมมีทั้งการปฏิบัติการบนดินและใต้ดิน ซึ่งวันนี้มีการวิจารณ์กันตามข้อมูลข่าวสารว่า เหลือขบวนการใต้ดินเพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ประมาท อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ศอฉ.ยังไม่ได้มีการหารือถึงแกนนำกลุ่ม นปช.ที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ ส่วนกรณีที่กลุ่ม นปช.เตรียมจะชุมนุมอีกครั้งในช่วงวันที่ 24 มิถุนายนนี้นั้น ทุกฝ่ายคงเตรียมการเพราะเราอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่คิดว่าคนทั่วไปคงจะเบื่อกันชุมนุมแล้ว
...