มท.1 ลงนามเอ็มโอยู ร่วม "กปภ.-กปน." บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ-น้ำประปา บูรณาการความร่วมมือให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ให้ ปชช.ได้ใช้น้ำสะอาด-ปลอดภัย เพื่อความอยู่ดีมีสุขของ ปชช.
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 59 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการให้บริการน้ำประปา ระหว่างการประปานครหลวง (กปน.) และ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการให้บริการน้ำประปาในพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ให้บริการของ กปภ. และ กปน. ตลอดจนร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้และทักษะความชำนาญด้านวิชาการ เทคโนโลยี สนับสนุนการผลิตและจ่ายน้ำประปาเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน และมี นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กับ นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ร่วมลงนามใน MOU
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันทรัพยากรน้ำในประเทศไทยต้องประสบปัญหาทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดที่มีภารกิจในการให้บริการน้ำประปา สาธารณูปโภคที่สำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงได้นำนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยการพัฒนาการให้บริการน้ำประปาให้มีคุณภาพ เพียงพอ ทั่วถึงทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำประปาที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทยทุกคน
...
สำหรับความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการให้บริการน้ำประปาในมิติใหม่ โดยทั้ง 2 หน่วยงาน จะได้บูรณาการความร่วมมือทั้งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และพัฒนาการให้บริการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะนำมาใช้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้รับบริการ โดยจะมีโครงการหรือกิจกรรมที่จะดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความมั่นคงในการให้บริการ เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาการให้บริการน้ำประปาเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ด้าน นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า การลงนาม MOU ระหว่าง กปภ. และ กปน. ในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ด้านการให้บริการน้ำประปา ด้านวิชาการ เทคโนโลยี และด้านอื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่รอยต่อ ซึ่งพื้นที่ตามความรับผิดชอบยังคงเป็นไปตามภารกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมายจัดตั้งของแต่ละหน่วยงานเช่นเดิม โดย กปภ. ยังคงรับผิดชอบในการให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนในพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ และจะร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์ และประสบความสำเร็จต่อไป
ขณะที่ นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการ กปน. กล่าวว่า กปน. และ กปภ. มีภารกิจสำคัญด้านการจัดการแหล่งน้ำดิบเพื่อนำมาผลิตน้ำประปาที่สะอาดและปลอดภัย บริการประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเพียงพอและทั่วถึง ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงาน ได้ประสานความร่วมมือกันโดยตลอด ซึ่งเหลือพื้นที่ชายขอบเล็กน้อย สำหรับ กปน. สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ โดย กปน. ได้ดำเนินการวางท่อประธานเพิ่มเติมบริเวณพื้นที่ชายขอบ ถึงแม้เป็นการลงทุนที่สูงแต่เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีน้ำใช้ และเพิ่มศักยภาพในการจ่ายน้ำรองรับการปริมาณความต้องการใช้น้ำที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต กปน. จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ให้บริการของ กปภ. และ กปน. นอกจากนี้ ในความร่วมมือดังกล่าว ยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมประปา เรียนรู้ระหว่างกัน เพื่อให้การบริหารงานประปาของทั้ง 2 หน่วยงาน เกิดประสิทธิภาพสูงสุด