ป.ป.ช.สั่งอายัดเช็ค 1.8 พันล้านบาท พัวพันซื้อขายข้าวรัฐต่อรัฐรอบใหม่ พบหลักฐานชัดเจน ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากหน่วยงานจีนให้มาซื้อขายข้าวจีทูจี

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.59 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการต้ังคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กรณีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับบริษัทประเทศจีน 4 แห่งรอบสองโดยมิชอบว่า จากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการฯ พบว่า สัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับบริษัทจีนทั้ง 4 แห่ง ไม่ได้รับมอบอำนาจจากหน่วยงานจีน ที่มีหน้าที่ดำเนินการซื้อขายข้าวจีทูจีโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ใช่สัญญาการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี และไม่พบว่าบริษัทจีนทั้ง 4 แห่ง ส่งเงินเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงไม่มีการส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนจริง ส่วนแคชเชียร์เช็คจำนวน 46 ฉบับ วงเงิน 1,878 ล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้าวจีทูจีนั้น กรมการค้าต่างประเทศแจ้งว่า แคชเชียร์เช็คทั้ง 46 ฉบับ ไม่ได้มาจากบริษัทจีนที่เป็นผู้ซื้อข้าวตามสัญญา แต่เป็นเงินที่มาจากบุคคลอื่นภายในประเทศ โดยมีแคชเชียร์เช็ค 40 ฉบับ วงเงิน 1,868 ล้านบาท มาจากเงินในบัญชีของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บริษัท สิราลัย จำกัด และนายสุธี เชื่อมไธสง

นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า เงินดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ จึงใช้อำนาจตามมาตรา 25 (1) ประกอบมาตรา 49 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มีคำสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการเก็บรักษาเงิน 1,800 ล้านบาท เพื่อประโยชน์แห่งการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้ยึดและอายัดเงินจำนวนนี้ไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด นอกจากนี้ยังให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 33 ราย อาทิ บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด.

...