วันนี้เล่าเรื่องแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นต่อนะครับ และขอฝากถึงคนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นว่า ควรศึกษาวิธีเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวไว้บ้าง เพราะที่ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวได้ตลอดเวลา เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง จะได้ปฏิบัติตัวถูกต้อง ไม่ต้องรอประกาศจากโรงแรมหรือทางการ ซึ่งอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง ถ้าประกาศเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว
สิ่งที่น่าชมเชยอย่างยิ่งสำหรับ ชาวญี่ปุ่น ก็คือ ระเบียบวินัย แม้จะประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวรุนแรง ก็ยังยึดระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด
ผมยังจำได้ ตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุด 9.0 ริกเตอร์ที่ฟุกุชิมา เมื่อต้นปี 2011 ส่งผลให้เกิด คลื่นยักษ์สึนามิ พัดเข้าถล่มจน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา พังเสียหาย ทำให้สารกัมมันตรังสีแพร่กระจายสู่พื้นดินและทะเล จนถึงวันนี้ผ่านไป 5 ปีก็ยังไม่ฟื้น เห็นภาพชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยเข้าคิวซื้อน้ำดื่ม ก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ที่ คุมาโมโตะ ก็เช่นเดียวกัน ชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยเข้าคิวรอเป็นชั่วโมงเพื่อซื้อน้ำดื่มขวดเดียว ไม่แย่งชิง หรือแซงคิวเอาเปรียบผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
นี่คือ ระเบียบวินัยที่ฝังลึกลงไปในนิสัยคนญี่ปุ่น จากการปลูกฝังที่ดี
หลังแผ่นดินไหวครั้งที่สอง 7.3 ริกเตอร์ที่คุมาโมโตะ ชาวคุมาโมโตะกว่า 90,000 คน เข้าแถวเดินทางออกจากบ้านไปยังศูนย์หลบภัย 400 แห่งที่ทางการกำหนดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย การช่วยเหลือจากรัฐบาลก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ร้องขอ ครั้งแรกรัฐบาลส่งทหารออกไปช่วยเหลือทันที 20,000 คน และเพิ่มไปอีก 20,000 คน เพื่อให้บริการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะอาหาร 3 มื้อของผู้ประสบภัยกว่า 200,000 คน รวมทั้งผ้าห่มที่หลับนอนในศูนย์อพยพ ทั้งทางการและผู้ประสบภัยต่างเป็นไปด้วยระเบียบวินัย น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีภาพการ แย่งชิงให้เห็นแม้แต่ภาพเดียว
...
ญี่ปุ่นวัดระดับแผ่นดินไหวด้วยระดับความรุนแรง เช่น แผ่นดินไหวครั้งแรก 6.5 ริกเตอร์ แต่ วัดความรุนแรงตามมาตรฐานญี่ปุ่นได้ที่ระดับ 7 และ แผ่นดินไหวครั้งที่สอง 7.3 ริกเตอร์ และอาฟเตอร์ช็อกระดับ 5-6 ริกเตอร์ที่ตามมา วัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6 ขึ้นไป จึงส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงตามมา
แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะครั้งนี้เกิดจาก รอยเลื่อนฟุทากาวา กับ รอยเลื่อนฮินากุ ที่อยู่ใน จังหวัดคุมาโมโตะ ใกล้กับภูเขาไฟอาโซะลึกลงไป 10-12 กม. เลื่อนสวนทางกันในแนวนอน จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดทั้งเกาะคิวชู ซึ่งบนเกาะคิวชูนี้มีรอยเลื่อนแผ่นใหญ่ และแผ่นเล็กแผ่นน้อยอีกนับร้อยแผ่น ตั้งแต่เหนือจดใต้ลงไปในทะเล โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวคงมีอีก
ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวจะเห็นว่า อาคารบ้านเรือนที่เสียหายรุนแรง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่า และบ้านเรือนเก่าที่สร้างแบบเก่า เช่น ปราสาทคุมาโมโตะ ที่มีอายุกว่า 400 ปี ทั้งกำแพงหิน และหลังคากระเบื้องที่หนักอึ้ง ล้วนพังทลายลงมา ผมดูภาพแล้ว ถ้าซ่อมได้คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีเลยทีเดียว
ส่วนอาคารสมัยใหม่ เช่น โรงแรมที่ผมพัก ทั้งที่ เบปปุ และ ฟุกุโอกะ แม้จะไหวรุนแรง 4-5 ริกเตอร์ ก็ไม่เสียหาย เพราะตัวอาคารสร้างแบบใหม่สามารถโยกไปโยกมาได้ทั้งอาคาร เพื่อรับแรงแผ่นดินไหวได้ ที่ต้องระวังคือ ข้าวของในห้องจะหล่นลงมาใส่ โรงแรมในญี่ปุ่นส่วนใหญ่คงรู้อยู่แล้ว จึงไม่มีเครื่องประดับมากนัก
สิ่งสำคัญที่เห็นในแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ที่ เมืองไทยไม่มี ก็คือ หน่วยกู้ภัยมืออาชีพ จำนวนมาก ไม่ต้องพึ่ง ป่อเต็กตึ๊ง และ ร่วมกตัญญู เหมือน รัฐบาลไทย
ที่น่าทึ่งก็คือ การแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์ ทั้ง ทางโทรทัศน์ ด้วยการ ส่งเสียงปิ๊บๆสองครั้ง ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก และ ส่งเสียงเตือนภัยไปยังประชาชนผ่านโทรศัพท์มือถือ จะมีเสียงปิ๊บๆเตือนจากโทรศัพท์ทุกครั้ง ก่อนเกิดแผ่นดินไหวไม่กี่วินาที ครั้งนี้ผมได้ยินจนชินหูเลยทีเดียว ไปเห็นแล้วก็นึกถึง คนไทย เมื่อไหร่ รัฐบาลไทย จะรักประชาชนแบบรัฐบาลญี่ปุ่นบ้าง ตั้งหน่วยกู้ภัยมืออาชีพ และ ระบบเตือนภัยเรียลไทม์ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อช่วยเหลือประชาชนแบบมืออาชีพเสียที.
ลม เปลี่ยนทิศ