ในที่สุดรัฐบาล คสช.ก็ส่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ลุยถั่วเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

ถือเป็นปฏิบัติการ “กระตุกหนวด ส.เสือ” ที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าทำ

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือเรียกย่อๆ ว่ากองทุน สสส.ถือเป็นกองทุนพิเศษนอกระบบงบประมาณแผ่นดิน

โดยมีรายได้เน็ตๆ จากภาษีบาปปีละ 2 เปอร์เซ็นต์

หรือคิดเป็นเงินเนื้อๆ 4,000 ล้านบาทต่อปี

กองทุน สสส.จึงมีสถานะเป็นองค์กรพิเศษ ที่มีรายได้แบบพิเศษ และอำนาจใช้จ่ายเงินแบบพิเศษ

โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐบาลหรือหน่วยงานใด

ปล่อยฟรีแฮนด์ให้คณะกรรมการกองทุน สสส.ใช้จ่ายเงินปีละ 4,000 ล้านบาท อย่างอิสรเสรี

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าการที่กองทุน สสส.มีเงินอัดฉีดสี่พันล้านบาทต่อปี กลายเป็นขุมทรัพย์ที่ใครๆหมายปองจ้องตาเป็นมัน

ฉะนั้น เมื่อมาถึงยุครัฐบาล คสช. ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ จึงมีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ซึ่งเป็นพวกหมอด้วยกันเอง) กล่าวหาว่าการใช้เงินกองทุน สสส.ไม่โปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาล

มีการอนุมัติใช้เงินกองทุนไปสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพประชาชน

ยิ่งกว่านั้น ยังกล่าวหากรรมการกองทุน สสส.บางคนใช้เงินกองทุน สสส.ไปสนับสนุนมูลนิธิฯของตัวเอง

ตรงนี้แหละที่เข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อนเต็มเปา

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาลจะแก้ไข พ.ร.บ.จัดตั้งกองทุน สสส.ให้เหมาะสมโปร่งใสรัดกุมยิ่งกว่าเดิม

เห็นด้วย ที่จะติดตั้งระบบตรวจ สอบประเมินผลการใช้เงินกองทุน สสส.ในมาตรฐานเดียวกับงบประมาณส่วนอื่นๆ ของรัฐบาล

...

เพราะเงินภาษีบาปปีละกว่าสี่พันล้านบาท เป็นเงินภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์

การใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนจึงต้องมีกรอบกติกาที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ ตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนอย่างแท้จริง

อนึ่ง คณะกรรมการกองทุนฯ ซึ่งมีอำนาจอนุมัติใช้จ่ายเงินกองทุนต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งทางอ้อมและทางตรง

เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหานินทาอย่างที่ผ่านมา

ส่วนจะดึงเงินก้อนนี้เข้าไปอยู่ในระบบงบประมาณแผ่นดินหรือไม่??

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจเอง

อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในหลักการ

เพราะการสร้างเสริมให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บจะช่วยลดภาระรายจ่ายของรัฐจากโครงการรักษาฟรีได้อีกก้อนโต

แถมลดภาระของแพทย์พยาบาลที่ต้องดูแลรักษาคนป่วยได้อีก 20 เปอร์เซ็นต์

แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง...ที่ใช้เงินกองทุน สสส. 33 ล้านบาทไปจัด “มหกรรมสวดมนต์ข้ามปี”

เพราะการสวดมนต์ข้ามปีไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนแต่อย่างใด

สงสัยจัดผิดงานซะแล้วโยม.

แม่ลูกจันทร์