โรครุม เพราะ “โลกรุม”

ในสถานการณ์ที่ปัจจัยภายนอกรุมเร้าประเทศไทย จากปัญหาไอยูยู กลุ่มยุโรปควักใบเหลืองประมงไทยต้องแก้ปัญหา จะเข้มกฎหมายให้เข้ามาตรฐานก็สะเทือนภาคประมงไทยที่นอกกรอบกันจนชิน

“แก้แห” กันวุ่นวายอยู่ตอนนี้

ปมปัญหาการค้ามนุษย์ก็ต้องเร่งปรับมาตรฐาน ก่อนถึงเดดไลน์ประเทศสหรัฐอเมริกาจะชี้วัด ต่างจากคิวล่าสุดมีข่าวว่ามหาอำนาจจ่ออัพเกรดปรับระดับเป็นเทียร์ 2 ให้มาเลเซีย

พญาอินทรีเลือกจิ้มเลือกเคาะ ยังแช่แข็งไทย

ยังไม่รวมกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ยังปักธงแดงสายการบินจากประเทศไทยค้างไว้

เท่านั้นไม่พอ ถึงบรรเทาปัญหาชาวโรฮีนจาอพยพ ล้างปมค้ามนุษย์ไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว

แต่ล่าสุดมีปมร้อนใหม่เข้ามาแทรก กรณีที่ทางการประเทศไทยจับกุมชาวอุยกูร์ จากมณฑลซินเกียง ชาวมุสลิมอพยพหลบหนีเข้าเมือง และควบคุมตัวก่อนส่งต่อไปประเทศตุรกี อีกทางส่งกลับประเทศจีน

ว่าไปตามข้อเท็จจริง พิสูจน์สัญชาติแล้วส่งไปที่ต้นทาง

แต่เรื่องชักไม่ง่าย ทั้งประเทศจีนก็บีบให้ส่งชาวอุยกูร์กลับ ส่วนตุรกีก็อยากรับตัวไป

โดนบีบทั้งสองด้าน ประเทศไทยก็กระอักกระอ่วนเต็มที

จนเป็นเรื่องเป็นข่าวจนได้ กลางดึกวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถูกชาวตุรกีนัดชุมนุมประท้วง บุกรุกเข้าไปในสำนักงานกงสุลฯ ทำลายประตูและสิ่งของ

แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อไทยในเรื่องชาวอุยกูร์ที่เข้าไทยโดยผิดกฎหมาย

เหมารวมกระแสต่อต้านรัฐบาลจีน

ปมร้อนที่นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ระบุเตือนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปตุรกีควรเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ เลี่ยงสถานที่ชุมนุม ไม่ถ่ายภาพการชุมนุม ฯลฯ

...

ขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ต้องต่อสายตรงพูดคุยกับผู้นำประเทศตุรกี เพื่อให้ช่วยดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่สถานทูตและคนไทย

“งานเข้า” ประเทศไทยต่อเนื่อง ทำ “บิ๊กตู่” งานชุก แก้ปมร้อนไม่หยุดไม่หย่อน

ในจังหวะปัจจัยภายนอกประเทศรุมเร้า ปมปัญหาภายในโหมดความมั่นคงคลายแรงกระเพื่อมไปได้หลังศาลทหารไม่อนุญาตให้ควบคุมตัว 14 นักศึกษา

“ถอนฟืน” จากกองไฟ เพลาดีกรีร้อนไปในระดับหนึ่ง

ในขณะที่อีกปัญหาใหญ่ เศรษฐกิจซึมหนักยังปลุกไม่ขึ้น เป็นอีก “แผลกดทับ” ส่อเรื้อรัง

ถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอย่าง “คุณชายอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ จะยืนยันตัวเลขเศรษฐกิจดีทุกด้าน แต่ล่าสุดต้องเร่งเปิดแผนฟื้นเศรษฐกิจเร่งด่วนในครึ่งปีหลังตามไฟต์บังคับ

ทั้งออกมาตรการช่วยชาวนา สวนยาง ล้างท่อการลงทุนภาครัฐ บริหารค่าเงิน-ดอกเบี้ยเอื้อส่งออก ใช้เศรษฐกิจดิจิตอลอีโคโนมี สร้างรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ผ่านสินค้านวัตกรรม ออกโรดโชว์ต่างประเทศ ฯลฯ

ปลุกความหวัง ภาวะเศรษฐกิจประเทศกระเตื้อง

แต่ที่หักมุมเลย ในการประชุม ครม.ล่าสุด มีการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ “บิ๊กตู่” เห็นข้อมูลแล้วแสดงความไม่พอใจในหลาย

ด้าน ทั้งสั่งให้ไปรวบรวมตัวเลขหนี้สินครัวเรือน และแนวทางแก้ไข มาให้ชัด

และจุดที่ “บิ๊กตู่” ท้วงตรงๆแรงๆ หลังฟังรายงานจาก “คุณชาย อุ๋ย” ถึงตัวเลขการเบิกจ่ายงบฯ ในส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนแรกปีงบฯ 2558 เปิดอัดฉีดไปได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์

“อย่างนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไง”

ในจังหวะที่เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอาการหนักเกือบทุกตัว ที่พอขับเคลื่อนไปได้อย่างภาคการท่องเที่ยวก็เสี่ยงสะดุดอีก การ
ลงทุนภาครัฐจึงเป็นเครื่องยนต์หลักที่ “บิ๊กตู่” หวังช่วยฉุดเศรษฐกิจให้เคลื่อนไปได้

เช่นเดียวกับการหวังพึ่ง ผู้ขับเคลื่อนหลักอย่าง “คุณชายอุ๋ย”

ถึงได้เครดิตจากผู้นำเลือกใช้บริการ แต่หากกัปตันเศรษฐกิจขับเคลื่อนไม่ไหว ทำเครื่องสะดุดบ่อยๆ

ก็อาจกระทบกับ “ตั๋วยาว” ที่ถือไว้ในมือ.

ทีมข่าวการเมือง