นายกฯ สั่งทุกกระทรวงดูแลผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันก็จะมีการส่งเสริมผู้มีรายได้ปานกลางและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้วย ห่วงประเทศไม่เหลืองบกลางดูแล หากเกิดภัยพิบัติ ...

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ตนได้กล่าวในที่ประชุมว่าเป็นห่วงในเรื่องเศรษฐกิจระดับล่าง โดยให้ความสำคัญทุกกลุ่มอาชีพ และสั่งทุกกระทรวงให้ดูแลผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็จะมีการส่งเสริมผู้มีรายได้ปานกลางและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้วย ยอมรับว่าจะทำให้ทั้งสามส่วนพึงพอใจทั้งหมดเป็นเรื่องยาก แต่ในระดับล่างนั้นจะมีการดูแล มีความเข้มแข็งในทุกมิติ ให้ชาวไร่ชาวนาและผู้มีรายได้น้อย รับรู้ข่าวสารจากรัฐบาล โดยได้ย้ำกับทุกกระทรวงให้พูดถึงคนระดับล่างก่อน

ทั้งนี้ ตนจะลงไปตรวจดูด้วยว่า คนในระดับล่างนั้นมีความเข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ เพื่อเป็นมาตรการในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไปด้วย นั้นเป็นการดูด้วยว่าเจ้าหน้าที่ทุกส่วน มีการพัฒนาตัวเองหรือไม่ โดยวันนี้ไม่สามารถทำแบบเดิมๆ ได้ เพราะต้องทำให้เชิงรุก เช่นการตั้งศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ที่มีเจ้าหน้าที่ทุกกระทรวงอยู่ให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุม ทั้งแรงงาน สิทธิประโยชน์ และปัญหาติดขัด เพื่อความรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ดำรงธรรมซึ่งแก้ไขปัญหา ได้กว่าร้อยละ 90 แล้ว ส่วนที่ยังแก้ไขไม่ได้ก็มีเรื่องประเด็นข้อกฎหมาย

“ทำไมวันนี้ธนาคารพาณิชย์ ถึงต้องเข้มงวดในเอ็นพีแอล เพราะเขาระมัดระวัง เนื่องจากหนี้ที่เป็นศูนย์นั้น ก่อให้เกิดผลเสีย ซึ่งรัฐบาลคุมไม่ได้ ต้องแยกกันให้ออกว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เป็นเศรษฐกิจเสรี มีข้อเสียคือ รัฐไม่สามารถควบคุมได้มากนัก เนื่องจากกติกา เกณฑ์ดอกเบี้ย อะไรต่างๆ แต่จะไปห้ามเขาไม่ให้ออกบัตรเครดิตคงไม่ได้ เพราะพอมีเยอะก็ใช้เยอะ บางคนเงินเดือน 2 หมื่น มีบัตรเครดิต 10 ใบ ผมว่าหลายๆ อย่างมีการโฆษณาที่เกินจริง หรือเอาเปรียบจนเกินไป เช่น การที่ไม่ต้องมีหลักฐาน ใบตรวจสุขภาพ เป็นการโฆษณาทำให้คนไปจมกับหนี้เหล่านี้ คำว่าหนี้ครัวเรือนมีหลายอย่าง หนี้ไม่เกิดประโยชน์ก็เป็นอย่างนี้ ทั้งซื้อโทรศัพท์เล่นไลน์ ไร้สาระ แต่ที่เกิดประโยชน์คือ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ถึงราคาตกแต่ก็ยังมีทรัพย์สิน แต่หนี้ไม่เกิดประโยชน์ละลายไปในอากาศ ซึ่งผมห้ามไม่ได้ ”

...

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการให้บริการโทรศัพท์ คนไทยชอบที่จะอยากได้แบบเต็มที่ ไม่มีสายหลุด หลายประเทศที่เขาผลิตเอง ก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น ยังไงเรื่องนี้เราก็ควบคุมไม่ได้ ต่อให้มีกฎหมายหลายฉบับก็ตาม เช่น กฎหมายที่เขียนว่า ใครที่ละเมิดเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดูแลได้ โดยหมายศาล เรื่องนี้ไม่อยากให้กังวลว่า จะไปละเมิดสิทธิเสรีภาพ เพราะคนที่กลัวเรื่องแบบนี้คือ คนที่พร้อมจะทำความผิด กฎหมายไม่ได้มีไว้สำหรับทำให้คนดีเดือดร้อน แต่มีไว้ให้คนดีอยู่ได้ในสังคม และคนไม่ดีไม่สร้างปัญหามากขึ้น ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น

พร้อมย้ำ วันนี้รัฐบาลแก้ไขปัญหาในภาพรวม ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ก็มีการดำเนินการ ซึ่งขณะนี้เงินของรัฐบาลใกล้จะแย่อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาใช้งบกลางทั้งสิ้น ซึ่งขณะนี้เหลือน้อยลง อีกทั้งยังต้องเตรียมการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ เพราะถ้าเกิดขึ้นมาจะเดือดร้อนถ้าไม่มีเงิน ทั้งนี้ประชาชนต้องเข้มแข็ง และไม่เรียกร้องจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว และในวันนี้ได้ให้แนวทางไปว่าต้องมีการขยายตลาดชุมชนที่มีอยู่แล้วกว่า 2 พันแห่งให้มากขึ้น ซึ่งควรอยู่ใกล้แหล่งค้าปลีก และอาจจะมีตลาดที่คุณภาพน้อยกว่าอยู่ด้วย เพื่อให้คนจนสามารถซื้อสินค้าได้ เรื่องนี้ต้องมีทางเลือกให้ประชาชนในทุกด้าน

“หลายเรื่องเรากำลังศึกษาอยู่ อย่างรัฐวิสาหกิจให้ขายนั้นคงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการบริหารฟื้นฟู ว่า ทำอย่างไรถึงจะอยู่ต่อได้ และจะอยู่อย่างไรจะร่วมทุนหรือไม่ เพราะถ้าร่วมทุนต้องมีคนเข้ามาและต้องหวังกำไร แต่ถ้าไม่มีก็ล้ม ต้องตัดสินใจให้ดี เราต้องควบคุมให้ได้ ว่าผลประโยชน์จะอยู่กับใคร นอกจากนี้ก็ได้บอกไปในเรื่องของรถไฟ รถยนต์ รถเมล์ ได้สั่งกระทรวงกลาโหมไปแล้วถ้าใครหยุดวิ่งจะเอารถถังวิ่งให้หมด

ดังนั้นอย่ามาประท้วง รถฟงรถไฟ ผมจะไปขับให้หมด ไปเรียนขับรถไฟ ต้องแก้ไขปัญหา ไปประท้วงไม่มีประโยชน์ วันนี้ที่ตนใช้เงิน อาจมองว่าเป็นตัวเลขจำนวนมากแต่เป็นโครงการระยะยาว แต่ไม่ได้กู้ ยาวนาน 20-30 ปี ซึ่งถ้าไม่ทำวันนี้หลายอย่างจะไม่เกิดขึ้น เรารอรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสิบหายมากี่ปีแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว.