ในห้วงที่การเมืองไทยยังจมอยู่กับความขัดแย้ง การต่อรองผลประโยชน์ นำมาซึ่งนิติสงคราม ใช้องค์กรอิสระและหน่วยงานรัฐเป็นเครื่องมือเพื่อต่อรองทางการเมือง ชิงความได้เปรียบและผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ทั้งระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาลกับสมาชิกวุฒิสภา หรือแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับการดำเนินคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ปี 2567 โดยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะ ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าว กรณีดีเอสไอรับคดีอั้งยี่ ฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ

โดย พ.ต.ต.ยุทธนาระบุว่า การเลือก สว.ได้มีผู้มาร้องขอให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษหลายเรื่อง ทั้งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เมื่อมีการสืบสวนแล้วคณะกรรมการคดีพิเศษชี้ขาดให้รับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษ

และขณะนี้ได้มีการสอบสวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อเนื่อง ทั้งการสอบพยาน การตั้งตัวแทนของดีเอสไอเป็นอนุกรรมการ ตรวจสอบภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว ข้อมูลด้านไอทีต่างๆ และเมื่อวันที่ 23 เม.ย. สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.โกสุมพิสัย ได้ส่งเรื่องความผิดอาญาฐานอั้งยี่ที่รับเรื่องไว้มายังดีเอสไอ

ซึ่งดีเอสไอได้พิจารณาแล้ว รับเป็นเรื่องต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นอำนาจตาม พ.ร.บ.คดีพิเศษ มาตรา 21 วรรคสอง ถือเป็นการกระทำความผิดหลายบท หรือเกี่ยวพันกับคดีพิเศษ ให้ถือว่าคดีที่เกี่ยวพันกันนั้นเป็นคดีพิเศษด้วย จึงถือว่าได้รับคดีอั้งยี่เป็นคดีพิเศษแล้วโดยจะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป

...

ทางด้านสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า มีคนมาร้องกับดีเอสไอจำนวนมากว่าได้รับผลกระทบ และมองว่าการเลือก สว.ไม่ถูกต้อง โดยผู้ที่ประสงค์จะมาเป็นพยานให้ข้อเท็จจริงในการเลือก สว.ทุกระดับ สามารถมาพบพนักงานสืบสวนดีเอสไอได้ทันที เพื่อบันทึกปากคำเป็นพยานทั้งคดีฟอกเงินและอั้งยี่

ทั้งนี้ การที่ดีเอสไอยกระดับคดีฮั้วเลือก สว. รับคดีอั้งยี่เป็นคดีพิเศษจ่อเอาผิดโทษหนักขบวนการฮั้วเลือก สว. แม้อ้างได้ว่ามีกฎหมายรองรับ แต่ไม่พ้นโดนโต้จาก สว.สีน้ำเงินว่าโยงเกมการเมือง เพราะเป็นช่วงที่พรรคเพื่อไทยกำลังงัดข้อกับพรรคภูมิ ใจไทยอยู่พอดี ฉะนั้นถ้าอยากพ้นข้อครหาก็ต้องรวบรวมหลักฐานเอาผิดในชั้นศาลให้ได้.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม