“มท.1” นำทีมผู้บริหารมหาดไทยลง พื้นที่เมืองปาย พูดคุยกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยและผู้นำโบสถ์ยิว แก้ปัญหาข้อร้องเรียนนักท่องเที่ยวชาวยิว มีพฤติกรรมเกเร ทำตัววุ่นวาย จนคนในพื้นที่เอือมระอา กำชับอย่าปล่อยให้มีขาใหญ่มาเฟียต่างชาติเกิดขึ้น ไม่ยอมให้คุกคามประชาชน สั่งนายกเทศบาลดูแลความสงบเรียบร้อยกลายเป็นประเด็นร้อนให้หน่วยงานภาครัฐตื่นตัว กรณีสื่อโซเชียลแชร์ข้อมูลอ้างว่า มีชาวอิสราเอล กว่า 30,000 คน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมืองท่องเที่ยวสวยงามสุขสงบกลางขุนเขาและสายหมอก กลายเป็นอาณานิคมแห่งใหม่ของชาวยิว จัดตั้งโบสถ์ยิว เปิดร้านอาหาร ร้านตัดผม และรีสอร์ต เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ ห้ามคนไทยเข้าใช้บริการ และยังแย่งอาชีพสงวนของคนไทย ส่งผลให้ชาวบ้านหวั่นเป็นการชักศึกเข้าบ้าน อาจทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายเข้ามาก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ต่อมาร้านค้าผู้ประกอบการใน อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวยิว และมีตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ อ.ปาย รวมตัวเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ผกก.สภ.ปาย และ นอภ.ปาย เอาผิดชาวต่างชาติลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัด มท. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาฯ รมว.มท. และโฆษก มท. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายเอกวิทย์ มีเพียร ผวจ.แม่ฮ่องสอน และคณะผู้บริหาร เดินทางลงพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มุ่งไปยังโบสถ์ชาวยิว หรือชาบัด ตั้งอยู่บริเวณถนนรังสิยานนท์ ซอย 2 หมู่ 4 ต.เวียงใต้ อ.ปาย ด้านหลัง สภ.ปาย มีพื้นที่ประมาณ 200 ตร.ว. ประกอบด้วยตัวอาคารประศาสนพิธี และสถานที่รับประทานอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล รองรับได้ประมาณ 200 คน จะมีการประกอบพิธีดังกล่าวทุกวันศุกร์และวันเสาร์นายอนุทิน และคณะได้พบปะพูดคุยหารือกับ นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และนายนาเฮมยา วิลเฮม ผู้นำศาสนายูดาห์ ผู้ดูแลชาบัด ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ในระหว่างการตรวจเยี่ยม “ชาบัด” นายอนุทินได้สอบถามกรณีที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการขุดอุโมงค์ใต้ดิน จากการตรวจสอบพบว่ามีเพียงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีเดือนละครั้ง แต่ไม่พบอุโมงค์ใต้ดินตามที่เป็นข่าว จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมมอนทิส อ.ปาย เข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติใน อ.ปายนายอนุทินกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตนและปลัด มท. ลงมาติดตามสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อลดความกังวลที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน วันนี้ปายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญของไทย มีศักยภาพที่พร้อมเติบโตไปข้างหน้า เช่นเดียวกับ จ.แม่ฮ่องสอน ความกังวลที่ปรากฏในโลกออนไลน์ และการนำเสนอข่าวต่างๆ สอบถาม ผวจ.แม่ฮ่องสอน ได้รับการยืนยันว่า หลายประเด็นที่ถูกนำเสนอออกไป เป็นเรื่องที่เกินจริงไปพอสมควร แต่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทุกคนต้องเคารพกฎหมายไทย และยังได้ถาม ผวจ.แม่ฮ่องสอน ถึงการใช้อิทธิพลจากคนไทย หรือต่างชาติ เช่น ที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่หรือไม่ คำตอบที่ได้รับคือไม่มี เข้าใจว่าหลายคนกังวลเรื่องความสงบที่อาจถูกลดทอนลงจากการเติบโตด้านการท่องเที่ยว แต่ขอให้มองโอกาสต่างๆที่เข้ามาด้วย“สิ่งที่ไม่ยอมให้เกิดเด็ดขาดคือการคุกคามชาวบ้าน เรื่องนี้ยอมให้เกิดไม่ได้เลย ที่นี่ต้องไม่มีขาใหญ่ มาเฟีย มาฟรี เข้ามาเที่ยว ต้องจับจ่ายหาความสุข ไม่ทำสิ่งผิดกฎหมาย และไม่สร้างปัญหา ได้หารือกับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ข้อมูลว่ามีชาวอิสราเอลมาเที่ยวประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ไทยเป็นประเทศที่สวยงาม คนไทย อัธยาศัยดี แต่อาจมีความไม่เข้าใจกันในเรื่องของวัฒนธรรม ท่านทูตอิสราเอลกำลังทำความเข้าใจกับชาวอิสราเอลที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้ ส่วนเรื่องศาสนาความเชื่อ ท่านทูตยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกิดความกังวล หรือความไม่สบายใจกับคนพื้นที่” นายอนุทินกล่าวต่อมานายอนุทินพร้อมคณะ ลงพื้นที่ถนนคนเดิน อ.ปาย พูดคุยกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ระหว่างทางนายอนุทิน ได้หันไปสั่งการนายคณัสภูชิต แสนคำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาย ให้ดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ อย่าให้มีใครปฏิบัติตัวอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง ส่วนในประเด็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ที่สร้างความไม่พอใจให้คนพื้นที่ ไปจนถึงผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ขอให้ไปทำความเข้าใจว่าในประเทศไทยอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ต้องเข้าใจวัฒนธรรมไทยด้วย ถ้าหากใครไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ให้ใช้อำนาจที่มีอยู่จัดการได้เลยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่