ก็แยบยลดีรัฐบาล “เพื่อไทย” แต๊ะเอียฉลองตรุษจีนหัวละหมื่น 3 ล้านคน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจค้างปีก็ได้ใจไปเต็มๆ

วาระนี้มีทั้งปีใหม่จีน เลือกตั้งนายก อบจ.โกยคะแนนล่วงหน้าไว้ได้เลย

ก็ต้องบอกว่าวิชาการตลาดนั้นยังครองใจผู้คนได้เสมอ!

นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เพิ่งบินกลับมาจากสวิสคงแช่มชื่นแม้จะเจอ “ฝุ่นพิษ” ตามรังควาญระหว่างอยู่เมืองนอกก็ตาม

อีกไม่นานจากนี้ก็จะต้องบินไปปักกิ่งเพื่อพบกับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน ผู้นำระดับหัวของชาติมหาอำนาจ

ก็ต้องทำการบ้านให้หนักไว้เพราะมีหลายเรื่องหลายราวที่ต้องเจรจากัน ไม่ใช่แค่เรื่องขอให้คนจีนทำความเข้าใจประเทศไทยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดกันเท่านั้น

แต่ประเด็นใหญ่ที่น่าจะเป็นหัวข้อสำคัญก็คือการที่สหรัฐอเมริกาได้ผู้นำคนใหม่ชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะทำให้ทั้งโลกต้องขยับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ยุทธภูมิด้านภูมิรัฐศาสตร์ เพราะแนวทางของผู้นำคนใหม่บอกล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดสงครามการค้ากำหนดกำแพงภาษีให้สูงขึ้น

ขู่จีนว่าจะขึ้น 60% แต่ขั้นแรกประเดิม 10% ก่อน!

ซึ่งแน่นอนว่าไทยจะต้องเจอหางเลขแน่นอนเพราะจะทำให้สินค้าจีนไหลเข้าไทย รวมถึงการค้าจะต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์

เพราะทุกวันนี้ทั้งจีนดีจีนเทาก็ยุ่มย่ามเต็มๆไปหมดแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยจะต้องให้รัฐบาลจีนช่วยดูแลด้วย อีกทั้งต้องรู้ด้วยว่าจีนจะมีแนวทางอย่างไรเมื่อต้องเจอสถานการณ์อย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมอยู่นั้น

รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเอาจริงเอาจังเพื่อแก้ปัญหาจีนเทาที่เป็นมิจฉาชีพสร้างความเดือดร้อนให้ไทย รวมถึงการค้ามนุษย์ด้วย

...

นั่นเท่ากับรัฐบาลจีนรับทราบข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นดีอยู่แล้ว เมื่อประกาศอย่างนี้ก็เท่ากับช่วยไทยและให้ความมั่นใจว่าไทยไม่ได้ทำอย่างนั้น

เพียงแต่เป็นเส้นทางผ่าน อย่างดาราจีนคนหนึ่งที่ถูกแก๊งพวกนี้หลอกลวง

เท่ากับว่านี่เป็นเพียงเบื้องต้นของปัญหา...

สำคัญยิ่งก็คือไทยจะต้องอธิบายความในเรื่องนี้ให้ชัดทุกอย่างเพื่อให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ปัญหาอยู่ตรงไหน

โดยเฉพาะพื้นที่ในเมียนมาซึ่งมีกลุ่มชาติพันธุ์กุมสภาพและมีอิทธิพลอยู่ ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลจีนที่มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลทหารเมียนมาได้ช่วยเจรจาให้ร่วมมือกันแก้ไข

เพราะปัญหานี้ทำให้คนไทยได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือการที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐฯได้ขอให้ไทยอย่าส่ง “อุยกูร์” ราว 40 กว่าคนที่ยังค้างอยู่ในประเทศไทยส่งกลับประเทศจีน

ก็ต้องอธิบายให้รัฐบาลจีนเข้าใจและแนวทางแก้ไขปัญหาของไทยด้วย เพราะก่อนหน้านี้ไทยส่งกลับไปแล้ว 100 กว่าคนก็เกิดปัญหาถูกโจมตีด้านมนุษยธรรม

ทั้งที่จริงแล้วเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่าง “สหรัฐฯ-จีน” ไทยเป็นเพียงตัวกลางเท่านั้น

ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรรัฐบาลคงเข้าใจเพราะ “จีน” นั้นเห็นไทยเป็น “น้องเล็ก” อยู่แล้ว หลายเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ก็ช่วยเหลือมาแล้ว

อย่างเรื่องนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยอันดับ 1 นั้น ก็เพราะรัฐบาลจีนไฟเขียวผ่านตลอดช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยมานานแล้ว

อีกเรื่องไหนๆก็ไปแล้วลองไปดูการแก้ไขฝุ่นพิษที่ปักกิ่ง

เขาแก้กันอย่างไรจึงประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี

เพราะวันนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจนคนไทยสำลักฝุ่นจะตายอยู่แล้ว!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม