สส.เพื่อไทย ยัน ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวคือปัญหาใหญ่ เสนอจับคู่กระทรวงใหม่ ท่องเที่ยวอยู่กับวัฒนธรรม แยกกีฬาออกมาเป็นเอกเทศ ชี้ สว. ยุคก่อนจับคู่ผิดฝาผิดตัว

เมื่อเวลา 09.59 น. วันที่ 22 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย เผยแพร่เนื้อหาการอภิปรายของ สส.พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายเอกธนัช อินทร์รอด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หนองคาย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว พร้อมด้วย นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ และ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี ร่วมอภิปรายรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหากฎหมายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยกล่าวเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา

นายเอกธนัช กล่าวถึงปัญหาการท่องเที่ยวไทยว่ามีอยู่ 2 ลักษณะ ลักษณะแรกคือสภาพปัญหาที่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมีร่วมกัน เรื่องความปลอดภัย การกระจายอำนาจการดำเนินการท่องเที่ยว และการกำกับดูแลแพลตฟอร์มธุรกิจท่องเที่ยว และลักษณะที่สอง คือสภาพปัญหาการประกอบธุรกิจเฉพาะแต่ละธุรกิจ อันได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและที่พักค้างคืน คือยังขาดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ ที่ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่ เพราะปัจจุบันกฎหมายยึดโยงอยู่กับมาตรฐานของโรงแรมและอาคารขนาดใหญ่

ธุรกิจสปา เวลเนส ยังขาดกฎหมายให้อำนาจหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสถานประกอบกิจการที่แอบแฝงการค้าบริการทางเพศ, ธุรกิจให้เช่ารถยนต์และจักรยานยนต์ ยังไม่มีกฎหมายบังคับไว้เฉพาะ และธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำ ยังขาดแนวทางปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและสื่อสารกับประชาชนเกี่ยวกับการทำท่าเทียบเรือ โดยการศึกษาครั้งนี้มุ่งจะยกร่างกฎหมายใหม่เพื่อทดแทนกฎหมายเดิม (ในกฎหมายโรงแรม) และปรับปรุงกฎหมายเดิมให้เหมาะสม (สปาและเวลเนส) รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อีกด้วย

...

ทางด้าน นายอดิศร กล่าวว่า การศึกษาเรื่องการแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเรารู้ดีว่ารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ กรุงเทพมหานครก็เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนจำนวนมากทุกปี แต่เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าทำไมกระทรวงการท่องเที่ยวถึงไปอยู่กับกีฬา ซึ่งดูน่าจะผิดฝาผิดตัว เหตุที่กระทรวงการท่องเที่ยวไปอยู่กับกีฬานั้น เกิดขึ้นเมื่อสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และระบบราชการครั้งใหญ่ พอกฎหมายไปถึงขั้นวุฒิสภา วุฒิสภาไปแก้ไขเป็นมติ ให้เอากระทรวงท่องเที่ยวไปรวมกับกีฬา แล้วตอนนั้นสภาผู้แทนราษฎรไม่อยากเสียเวลายับยั้งกฎหมาย 180 วัน เพื่อไปตั้งกรรมาธิการร่วมฯ ก็เลยปล่อยเลยมากลายเป็นผิดฝาผิดตัวมาตั้งแต่วันนั้น

อดิศร เพียงเกษ
อดิศร เพียงเกษ

“วันนี้ผ่านมากว่า 20 ปีแล้ว ก็ควรจับคู่กระทรวงใหม่ให้ถูกฝาถูกตัว ให้เป็นกระทรวงวัฒนธรรมมาอยู่กับการท่องเที่ยว และแยกกระทรวงการกีฬาไปอยู่ต่างหาก เพราะทุกวันนี้คนก็แทบลืมว่ากีฬาไปหลบอยู่กระทรวงไหน จำได้แต่ตอนมีแข่งกีฬา ได้เหรียญทีก็เฮที”

นายอดิศร เผยต่อไปว่า แต่ใน กมธ. ของสภาฯ กลับมองเห็นปัญหานี้แต่แรก จึงแยก กมธ.ท่องเที่ยวไปคณะหนึ่ง แยก กมธ.กีฬา ไปอีกคณะหนึ่ง และขณะนี้ก็ขอเรียนว่ากำลังร่างกฎหมายขอเสนอแยกกระทรวงใหม่ ทำให้ถูกฝาถูกตัว ไม่เอากีฬาไปหลบหลังท่องเที่ยว แล้วจับท่องเที่ยวมาคู่กับวัฒนธรรมก็จะสอดคล้องกัน เพราะคนไปเที่ยวดูด้านวัฒนธรรม ก็จะได้มีงบประมาณไปเกื้อหนุนสอดคล้องกันไป

ขณะที่ นายธีระชัย เผยถึงปัญหาด้านการท่องเที่ยวว่ามีกฎหมายยุบยับมากมายเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทบวง กรมเต็มไปหมด ยกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวทะเลบัวแดง ซึ่งเป็นอันซีนของจังหวัด เป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำหนองหาน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีเนื้อที่กว่า 28,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ใน อ.กุมภวาปี ส่วนที่เหลืออยู่ใน อ.ประจักษ์ศิลปาคม และ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี

ทั้งนี้ ทะเลบัวแดง พอจะพัฒนาปรับปรุงอะไร ก็วุ่นวายติดขัดกฎหมายและระเบียบต่างๆ เต็มไปหมด ยกตัวอย่างง่ายสุด ถ้าอยากจะมีเรือรับนักท่องเที่ยวก็ไปคุยกับกรมเจ้าท่า พอได้เรือแล่นออกไปติดจอกติดแหน ต้องไปบอกกรมชลประทานมาตักเก็บจอกแหนออก ถ้าออกเรือออกไปจากชายฝั่งไกลก็กลายเป็นพื้นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถ้านักท่องเที่ยวปวดห้องน้ำ จะสร้างห้องน้ำ ต้องไปขออนุญาตกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.อุดรธานี เคยจะแก้ปัญหาสร้างห้องน้ำให้โดยไปใช้พื้นที่โรงเรียน แต่เมื่อสร้างเสร็จกลับติดปัญหาว่าโรงเรียนเป็นที่ราชพัสดุ โดนล็อกกุญแจ อย่างนี้เป็นต้น

“นี่ยังไม่นับรวมปัญหาเรื่องห้องพักใน จ.อุดรธานี ที่มีมากกว่า 1-2 หมื่นห้อง แต่มีการจดทะเบียนถูกต้องแค่ 7 พันห้องเท่านั้น ดังนั้น การศึกษาเพื่อแก้ปัญหาตามที่ท่านเอกธนัช อินทร์รอด ได้เสนอไปนั้น จะเป็นการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด และหวังให้สภาแห่งนี้ได้ร่วมกันระดมความเห็นแก้ไขปัญหาชาติไปด้วยกัน”