คลอดแล้ว โครงการแก้หนี้ครัวเรือนครั้งใหญ่ ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จาก มติ ครม. สู่การลงนาม ความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน 6 สถาบัน ในวันเดียวกันคือ กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และ Non Banks ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมคำมั่นสัญญาในการแก้หนี้จาก คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐและนอนแบงก์ เรียกว่าครบทุกสถาบันการเงิน
ถ้าโครงการแก้หนี้ครัวเรือนครั้งใหญ่นี้ รัฐและแบงก์เจ้าหนี้ช่วยจ่ายหนี้ให้ครึ่งหนึ่ง ลูกหนี้ยังแก้หนี้ไม่สำเร็จ ประเทศไทยก็คงไม่สามารถปลดหนี้ก้อนใหญ่ที่เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจได้
หนี้ครัวเรือนไทย ปัจจุบันลดลงจาก 91% ของจีดีพีลงมาที่ 89% ของจีดีพี ลดลงเพราะจีดีพีไทยเติบโตขึ้น ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลง แต่มูลหนี้ยังคงเท่าเดิมที่ 16.32 ล้านล้านบาท ไม่ได้ลดลงเลย หนี้ครัวเรือนก้อนโตนี้ได้กดดันกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจลดลง ยอดสินเชื่อธนาคารก็ลดลง ทำให้จีดีพีไทยขยายตัวได้ไม่เกิน 3% สักที แม้จะมีการพยายามแก้หนี้หลายครั้งด้วยสารพัดวิธี แต่ยอดหนี้ก็ไม่ลดลง เพราะรายได้ครัวเรือนไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจภาพรวมที่ซบเซา ซํ้ายังมีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม ขณะเดียวกันลูกหนี้ส่วนใหญ่ก็มี “หนี้นอกระบบ” ก้อนโตอีกก้อน ซึ่งคาดว่าจะมีขนาดใหญ่ราว 40-50% ของจีดีพี ยอดหนี้ครัวเรือนจริงของไทยจึงมากกว่า 16.32 ล้านล้านบาท
นี่คือภาพจริงที่ผมเอามาฉายให้ดูทีนี้ไปดูมาตรการแก้หนี้ใน โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่เพิ่งคลอดออกมา มาตรการนี้มีอายุ 3 ปี คุณพิชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง เปิดเผยว่า เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวม 2.1 ล้านบัญชี เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย มียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท การแก้หนี้ที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะ (upskill/reskill) และเสริมสร้างรายได้ให้กับลูกหนี้ด้วย ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่เมื่อดูวงเงินแก้หนี้ 8.9 แสนล้านบาท เทียบกับมูลหนี้ 16.32 ล้านล้านบาท ถ้าแก้สำเร็จ 100% ก็แก้หนี้ไปได้เพียง 5.4% ของหนี้ครัวเรือน 16.32 ล้านล้านบาท
...
ประเภทหนี้หรือสินเชื่อที่จะได้รับการแก้ไขครั้งนี้มี (1) สินเชื่อบ้าน/บ้านแลกเงิน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท (2) สินเชื่อเช่าซื้อจำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท (3) สินเชื่อเช่าซื้อ/ จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท (4) สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท และต้องเป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 กับ ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 5 พันบาท ก็ให้จ่ายหนี้บางส่วน ก็จะปิดจบหนี้เลย
ดร.เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้อธิบายถึง โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ว่ามี 2 จุดสำคัญที่แตกต่างจากที่ผ่านมาคือ (1) การปรับโครงสร้างหนี้ เน้นตัดเงินต้น ลดภาระผ่อนในช่วง 3 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ (2) การร่วมสมทบเงิน (Co-payment) จากภาครัฐและสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดภาระจ่ายของลูกหนี้ ชื่อของโครงการนี้ “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พร้อมจะสู้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ และ “เราช่วย” ภาครัฐและสถาบันการเงินที่พร้อมจะช่วยลูกหนี้ลดภาระให้ปิดจบหนี้เร็วขึ้น
โครงการนี้ ลูกหนี้ต้องสมัครใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ซึ่งธนาคารและสถาบันการเงินเจ้าหนี้ทุกแห่งได้เปิดรับสมัครแล้ว ลงทะเบียนได้ถึง 28 ก.พ.2568
ก็เป็นโครงการที่ดีครับ แก้หนี้แบบเห็นอกเห็นใจลูกหนี้ รัฐบาลและแบงก์เจ้าหนี้ยังใจดีควักเงินช่วยเหลือลูกหนี้ด้วย ก็เอาใจช่วยให้สำเร็จครับ อย่างน้อยก็ช่วยให้ลูกหนี้ 1.9 ล้านคน ได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ สามารถกู้เงินได้อีกครั้ง ช่วยกันขนาดนี้ 3 ปียังไม่สามารถจบหนี้ได้ ลูกหนี้คนนั้นก็ปิดบัญชีได้เลย ไปไม่รอดแน่.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม