ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ประเทศไทยเมื่อมีนายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรีแล้วจะเกิดปัญหาเรื่อง “น้ำท่วม” ใหญ่ทุกครั้ง

“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยในประวัติศาสตร์ ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ทั้งประเทศ

ขนาดว่ากรุงเทพมหานคร เมืองหลวงก็จมมิดไปทั้งเมือง

“แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายก รัฐมนตรีที่มาจากตระกูลเดียวกันก็เจอน้ำท่วมที่หนักไม่น้อย โดยเฉพาะที่ภาคเหนือเชียงราย–เชียงใหม่

ภาคใต้ที่ปกติแม้มีฝนตกมากแต่น้ำก็ไม่ท่วมหนักเหมือนปีนี้ โดยเฉพาะใน 3 จังหวัด คือยะลา ปัตตานีและนราธิวาส

คงไม่มีใครคิดว่าจะหนักอย่างนี้!

รัฐบาลได้วางโปรแกรมล่วงหน้าว่าจะจัดประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกที่เชียงใหม่– เชียงรายระหว่างเกิดเหตุน้ำท่วมภาคใต้พอดี

อีกทั้งการประชุมครั้งนี้ก็มีเรื่องน้ำท่วมภาคเหนือด้วย

กลายเป็นว่ากำลังจะไปเยียวยาแก้ปัญหาน้ำท่วมเหนือ ก็เกิดเหตุน้ำท่วมใต้ซ้อนทับขึ้นมาทำให้อลเวงไม่น้อย

รัฐมนตรีบางท่านก็ต้องรีบบินด่วนลงไปแก้ไข

เพราะมิฉะนั้นแล้ว จะทำให้คนใต้เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลเอาใจแต่คนเหนือ เพราะเป็นบ้านเกิดนายกรัฐมนตรี

แต่ละเลยหรือไม่ทุ่มเทดูแลคนใต้

ยิ่งเหตุการณ์เก่ายังอยู่ในห้วงความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งมาตั้งแต่สมัยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าพื้นที่ไหนไม่เลือกพรรคไทยรักไทย

ก็จะไม่เข้าไปพัฒนา

นี่จะซ้ำรอยแบบนั้นอีกหรือ?

รอบบ้านผ่านเมืองกับสถานการณ์การเมือง ณ เวลานี้ดูเหมือนรัฐบาล “อิ๊งค์” กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเป็นผลดีเท่าใดนัก

โดยเฉพาะการที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองจนทำให้ “ทักษิณ” และเครือข่ายทางการเมืองของเขา

...

ต้องเจอ “งานช้าง”!

เนื่องจากนำม็อบลงถนนจุดประกายต่อต้านและโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ” จนประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

วันนี้ “สนธิ” มาอีกแล้ว ประกาศจะจุดม็อบไล่รัฐบาล

เขาบอกว่า...นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตเขา

แน่ล่ะ...ผลงานจากเคยจุดม็อบติดมาแล้ว จนสร้างความหวั่นไหวในทางการเมืองเมื่อกลับมาอีกครั้ง

จึงทำให้แวดวงการเมืองเริ่มสั่นไหวทันที

แม้ตัวเขาจะยังไม่มั่นใจว่าจะจุดติดหรือไม่ แต่ก็จะเริ่มเคลื่อนไหวผลักดันให้ไปสู่จุดนั้นให้ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเป็นไป

แต่เชื้อมันมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”

อีกทั้งยังมีประเด็นต่างๆที่วางแบ รออยู่...

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย–กัมพูชา โดยมีเอ็มโอยู 44 เป็นเงื่อนไข ปัญหาเขากระโดงที่บุรีรัมย์ ปัญหาชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาประธานบอร์ด

ทุกประเด็นล้วนล่อแหลมชวนให้เกิดอารมณ์ร่วมได้ง่าย

แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะแก้ไขและหาทางออกอย่างไร เพื่อไม่ให้บานปลายไปสู่จุดเดือดได้

ถามว่ารัฐบาลหวั่นไหวหรือไม่?

ถ้าไม่หวั่นไหวก็คงไม่เปิดช่องขอให้มีการเจรจา

ทำไปทำมานายกรัฐมนตรีหญิงที่มาจากตระกูล “ชินวัตร” ทำท่าจะไม่ต่างกันเท่าใดนัก เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนกันและกำลังจะเกิดม็อบขับไล่

มันก็แปลกเหมือนกันนะ!

“ลิขิต จงสกุล”