นายกฯ อิ๊งค์นั่งประธานบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก เคาะแจกเงิน 10,000 บาทให้ผู้สูงอายุ 4 ล้านคน ใช้เงิน 40,000 ล้านบาท กำหนดไม่เกินเทศกาลตรุษจีน 2568 วางเกณฑ์อายุ 60 ปีขึ้นไป ต้องเป็นผู้ลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ และผ่านกระบวนการพิสูจน์ตัวตนหรือ KYC แล้ว “แพทองธาร” เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันจะมีศักยภาพที่เติบโตมากกว่านี้ ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนกระทรวงการคลังและ ธปท.อยู่ระหว่างออกแบบมาตรการแก้ปัญหา

ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีได้เฮ เมื่อรัฐบาลเตรียมควักกระเป๋าจ่ายเงิน 10,000 บาทที่เป็นเงินเฟส 2 ไปยังกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีไม่เกินช่วงตรุษจีนปี 2568 หรือไม่เกินวันที่ 29 ม.ค.2568 โดยเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีรัฐมนตรี อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายดนุชา พิชนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

น.ส.แพทองธารกล่าวก่อนประชุมว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2567 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ จีดีพี ขยับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 และ 2 ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6 และ 2.2 เมื่อรวมทั้งสามไตรมาสเศรษฐกิจไทยโตอยู่ที่ร้อยละ 2.3 มีปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัยการอุปโภคภาครัฐบาล การลงทุนภาครัฐ การส่งออก การท่องเที่ยว และภาคการก่อสร้างตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจึงเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้เศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นตัวดีต่อเนื่อง

...

นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปัจจุบันจะมีศักยภาพที่เติบโตมากกว่านี้ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ขึ้น เพื่อผลักดันนโยบายตามที่คณะรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภาให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตเต็มศักยภาพ ไปพร้อมกับการดูแลคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน กำหนดแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของไทยในระยะยาว ระยะสั้น รัฐบาลได้เพิ่มรายได้ บรรเทาค่าครองชีพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง สำหรับกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มคนพิการ ระยะต่อไปจึงควรพิจารณาเพื่อช่วยกลุ่มอื่นๆ เช่น ผู้สูงอายุ เป็นต้น

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า เรื่องภาระหนี้สินครัวเรือนแม้ว่ากลางปี 2567 ระดับหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีจะปรับตัวลดลงเหลือร้อยละ 89.6 จากร้อยละ 90.7 ของไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง แต่ละเดือนประชาชนมีภาระในการชำระหนี้สูง มีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ได้ จึงควรให้ความสำคัญยิ่งกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถและ SME กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างพิจารณาออกแบบมาตรการการแก้ปัญหาหนี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการเงินการคลังของประชาชน ขณะที่ระยะยาวรัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงหวังอย่างยิ่งว่าคณะกรรมการชุดนี้จะร่วมกันกำหนดออกแบบนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศต่อไปทั้งระยะสั้นระยะยาว

หลังเสร็จสิ้นการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ นโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมประมาณ 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท คิดว่าจะเติมเงินให้กลุ่มที่มีความจำเป็นก่อน กลุ่มที่เหลือรัฐบาลจะทำในระยะต่อไป โดยดูความพร้อมของระบบเป็นสำคัญ คาดว่าจะเริ่มต้นช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.2568 คณะกรรมการฯมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กลับไปจัดทำรายละเอียดก่อนมาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า คิดว่าการโอนเงินในเฟส 2 จะได้ไม่เกินช่วงตรุษจีนปี 2568 หรือไม่เกินวันที่ 29 ม.ค.2568 รัฐบาลจะสามารถโอนเงิน 10,000 บาทไปยังกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้แน่นอน กลุ่มนี้รัฐบาลดูเรื่องของความเปราะบาง กำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐช่วงที่เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ตามเงื่อนไขผ่านกระบวนการพิสูจน์ตัวตน หรือ KYC แล้ว รวมทั้งต้องไม่เป็นกลุ่มที่เคยได้รับเงิน 10,000 บาท ในเฟสแรก ถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่มีเงินเก็บไม่มากนัก โดยแจกเป็นเงินสด ส่วนการลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลจะเปิดให้คนกลุ่มนี้เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการได้เร็วๆนี้

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่