“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ชูเมืองอุดรฯ เป็นเมืองหลวงของผู้รักประชาธิปไตย ฟาดกลับ “ทักษิณ” ปมบินลัดฟ้ามาช่วยหาเสียง มีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้ ชี้แพ้-ชนะเป็นธรรมดา บอกเลือกตั้งปี 2566 ก้าวไกลก็ชนะ ไม่หวั่นเรื่องกวาดเก้าอี้ 200 ที่นั่ง ชี้ตอน “ชลน่าน-แพทองธาร” ก็เคยประกาศแลนด์สไลด์ สุดท้ายประชาชนก็เป็นผู้ตัดสิน

วันที่ 15 พ.ย. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนายศณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ. อุดรธานี พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นหลักในการสื่อสารวันนี้จะเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด เพราะในเมืองอุดรเป็นเมืองหลวงของชาวที่รักประชาธิปไตย แต่ชาวอุดรไปอยู่ต่างประเทศเยอะทั้งไต้หวัน เกาหลีใต้ อิสราเอล ซึ่งสถิติการเลือกตั้งที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 50

ส่วนกรณีที่มีการขนานนามเมืองอุดรว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตยนั้น นี่อ้างอิงผลการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 พรรคเพื่อไทยได้กว่า 300,000 คะแนน พรรคก้าวไกลได้อันดับที่สองคะแนน 200,000 กว่าคะแนน ตามด้วยพรรคไทยสร้างไทยที่ได้ 100,000 กว่าคะแนน ซึ่งหากคะแนนเสียงของฝ่ายค้านพรรคประชาชนและพรรคไทยสร้างไทยรวมกันก็ชนะพรรคเพื่อไทยได้

“จึงตอบคำถามว่าเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตยโดยไม่ได้ใช้คำว่าเมืองหลวงของคนเสื้อแดง เพราะตัวเลขการเลือกตั้งฟ้องมาอย่างนั้น”

พร้อมกันนี้โต้กลับข้อครหาจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ากลัวแพ้จึงต้องบินลัดฟ้ามาช่วยหาเสียงว่ามี 2 ประเด็น คือ 1. เรื่องกลัวแพ้ แพ้มาก็เยอะแต่ชนะมาก็แยะ และการเลือกตั้งปี 2561 เขตเลือกตั้งที่หนึ่งของอุดรฯ ตอนอนาคตใหม่แพ้การเลือกตั้ง พอมาปี 2566 ในนามพรรคก้าวไกลก็กลับชนะนายศราวุธ เพชรพนมพร ซึ่งเป็นผู้สมัคร สส. ในขณะนั้น

...

“เพราะฉะนั้นมีแต่เผด็จการเท่านั้นที่กลัวแพ้ การที่จะเป็นนักการเมืองหรือเป็นอดีตนักการเมืองก็มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา อย่างตอนนี้ที่กลับมาจากอเมริกา อย่างที่เคยแพ้ก็กลับมาชนะคนที่เคยชนะก็กลับมาแพ้นี่คือความสวยงามของประชาธิปไตยเพราะฉะนั้นเรื่องแพ้ แพ้เยอะมาแล้ว แต่การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายที่เช็กมาผมชนะ” นายพิธากล่าว

พร้อมกับชี้แจงเรื่องป้ายหาเสียงของผู้สมัครที่มีรูปคู่กับนายพิธา และรูปคู่กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ว่าเป็นการทำป้ายในช่วงเปลี่ยนผ่านตอนที่มีการยุบพรรค จึงกลายเป็นป้ายหาเสียงแบบลูกครึ่ง

และไม่ได้รู้สึกกังวลกับการลงพื้นที่หาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร มองว่าเป็นสีสันทำให้ประชาชนมีความสนใจ เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับชาติอาจไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์จาก กกต. เท่าที่ควร โดยหวังให้การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าร้อยละ 50

ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมากที่นายทักษิณลงพื้นที่หาเสียงด้วยตัวเอง แต่ตัวเองไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอาทิตย์นี้และอาทิตย์หน้าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง การสัมภาษณ์นักวิชาการของสื่อมวลชน การวิเคราะห์ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ติดตามรับฟังอยู่ และส่วนตัวไม่แน่ใจว่าคู่แข่งทางการเมืองจะหวั่นกลัวเราหรือไม่

“เวลาเรามองการเลือกตั้ง การทำงานของพรรคประชาชนหรืออดีตพรรคก้าวไกล เรามองไปถึง 2-3 การเลือกตั้งล่วงหน้า ไม่เพียงแค่ 2 การเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นหากคิดแบบนั้น มีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีแพ้ แต่เราแข่งกับตัวเองในครั้งที่แล้วตอนเป็นอนาคตใหม่ได้เท่าไหร่ ตอนแข่ง สจ. ได้มา 10 คน ตอนเป็นพรรคก้าวไกลปี 2566 ได้คะแนนเพิ่มมาเท่าไหร่ ครั้งนี้ตอนเป็น อบจ. คะแนนได้เท่าไหร่ แน่นอนในการเลือกตั้งจริงในความเป็นจริงคู่แข่งจริง แต่ในการทำงานของพรรคของพวกเราแบบผู้คนและการเดินทางระยะยาว ก็แข่งกับตัวเองในอดีต ถ้าคิดอย่างนี้จะทำงานแบบไม่มีความกดดันและทุกการเลือกตั้งจะเป็นโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาบุคคลองค์กร” นายพิธากล่าว

นายพิธา กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นโจทย์ยากที่สามารถบริหารได้ เพราะการเลือกตั้งปี 2566 คนออกมาใช้สิทธิ์อย่างถล่มทลายร้อยละ 76 แต่พอมาเป็นเลือกตั้ง อบจ. อยู่ที่ร้อยละ 60 กว่า เพราะว่าข้ามเขตไม่ได้ เลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ ต้องทำงานในพื้นที่เป็นนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้ ปัญหาของแต่ละพื้นที่มีโจทย์ต่างกัน ขณะเดียวกันคิดว่าเมื่อกลับมาจากอเมริกา การเลือกตั้งทางพรรคประชาชนก็กลับมาคิดทบทวนเกี่ยวกับวิธีการใช้สิทธิ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำให้การเลือกตั้งง่ายขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นตรงกับเจตจำนงของประชาชน

ส่วนหากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาชนจะชนะวิเคราะห์ว่ามีหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งตัวผู้สมัครนายก อบจ. เรื่องคู่แข่งทางการเมือง การเสนอนโยบายจูงใจประชาชน แต่ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการออกมาใช้สิทธิ์ของประชาชนก็จะสร้างความชอบธรรมและสร้างโอกาสชนะมากขึ้น หากมาใช้สิทธิ์น้อยก็อาจเป็นไปได้ยาก พร้อมฝากข้อความถึงชาวอุดรว่า “ฮักหลายหลาย ไม่ว่าประเพณีไทยสำคัญตอนสงกรานต์ก็มาอยู่ที่อุดรฯ งานลอยกระทงก็มาอยู่ที่อุดรฯ หวังว่าศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้จะได้มีโอกาสพบปะกับชาวอุดรฯ”

นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณประกาศการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะต้องได้ สส. ไม่ต่ำกว่า 200 คน ว่า ก็เหมือนที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน พูดเรื่องแลนด์สไลด์ ก็แค่นั้น แต่ผลลัพธ์หลังเลือกตั้งประชาชนเป็นคนตัดสิน บอกว่าแต่ละพรรคก็วางแผนได้แต่สุดท้ายประชาชนคือคนตัดสิน