“หมอวรงค์” จี้ ยกเลิก MOU 44 อ้าง ได้ฟังจากหนึ่งในคณะทำงาน หากไปยอมกัมพูชา อาจส่อเสียดินแดน ย้ำ ประวัติศาสตร์ระบุชัด เกาะกูดเป็นของไทย
เมื่อเวลา 09.47 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงประเด็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ว่า หัวใจหลักของ MOU 44 ที่นำไปสู่การเกิดพื้นที่ทับซ้อน คือการลากเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ลากจากหลักหมุดบนบกที่ 73 ผ่านจุดสูงสุดของเกาะกูด และออกไปทางอ่าวไทยในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งต่างจากไทย ที่ลากจากหมุดที่ 73 ผ่านกึ่งกลางระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงในปี 2516
นายแพทย์วรงค์ ระบุต่อไปว่า ได้ฟังคำชี้แจงจากบุคคลท่านหนึ่งที่เป็นคณะทำงาน MOU 44 บอกได้อย่างเต็มปากว่าฟังท่านพูดเคลียร์ทุกเรื่อง แต่ที่ท่านบอกว่าการกำหนดเส้นไหล่ทวีปเป็นการอ้างสิทธิของกัมพูชา ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ เฉพาะเส้นนี้ที่แปลกใจ ฝ่ายไทยไปยอมรับได้อย่างไร ซึ่งเราไม่เคยยอมรับตั้งแต่ปี 2515 จนมาบันทึกใน MOU 44
“สิ่งที่ต้องถาม การอ้างสิทธิในเส้นไหล่ทวีปต้องมีเหตุผล แม้จะอ้างข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ที่กฎหมายระหว่างประเทศยอมรับ เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากผ่านเกาะกูดก็ไม่สมเหตุผล เพราะประวัติศาสตร์ระบุไว้ชัดเจนว่าเกาะกูดเป็นของไทย เส้นที่เล็งจากจุดสูงสุดของเกาะกูด ก็เพื่อกำหนดหลักหมุดที่ 73 ซึ่งเป็นเขตแดนทางบกไม่ใช่ทางทะเล”
ดังนั้น ปัญหาที่นำไปสู่พื้นที่ทับซ้อนที่มีขนาดใหญ่เท่ากับจังหวัดสงขลา พัทลุง ตรัง ยะลา นราธิวาสและปัตตานี รวมกัน 26,000 ตร.กม. ก็เกิดจากการที่ฝ่ายเราไปยอมรับว่าเขาอ้างสิทธิ ซึ่งเป็นการอ้างสิทธิที่ตามใจชอบ ยังไม่นับรวมเงื่อนไขใน MOU 44 ที่บ่งบอกว่าไทยเสียเปรียบเรื่องดินแดนในอนาคต นี่คือจุดที่ต้องทบทวน MOU 44 เพราะจะนำไปสู่ปัญหาทุกอย่าง รวมทั้งดินแดนทางทะเล ส่วนของทะเล ผืนทราย และทรัพยากรโดยรอบเกาะกูดด้านประชิดกัมพูชา เกาะกูดเราจะเหลือแค่เกาะ แต่รอบเกาะด้านประชิดกัมพูชากลายเป็นพื้นที่ทับซ้อน
...
ในช่วงท้าย นายแพทย์วรงค์ ระบุด้วยว่า ยิ่งฟังจากพวกท่านชี้แจง เริ่มจับได้แล้วว่าพวกท่านไปยอมกัมพูชาเพียงเพื่อต้องการพลังงานขึ้นมาเร็วๆ แต่ปัญหาดินแดน ผลประโยชน์ชาติที่มากกว่านี้ โอกาสที่จะเสียเปรียบและเสียดินแดนในอนาคต ดูพวกท่านจะไม่ค่อยสนใจ ยิ่งฟังคำชี้แจง จึงต้องรีบยกเลิก MOU 44