กระทรวงพาณิชย์ รับลูก “นายกฯ - กกร.” แก้ปัญหาเป็นระบบ เร่งด่วน ทั้งปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ เร่งเจรจา FTA อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ปิดบัญชีบริษัทม้า เผย นัดถก รัฐมนตรีการค้าแคนาดา ขยายโอกาสการค้าในตลาดอเมริกาเหนือ

วันที่ 29 ตุลาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2567) มีโอกาสร่วมคณะของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการรับมอบสมุดปกขาว ข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ ที่จัดทำโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ทำให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ได้รับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 4 เรื่อง มีทั้งเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง และเรื่องที่สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเร่งด่วน ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ, การเร่งเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ, การอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% รวมถึงการปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมีคำสั่งแต่งตั้งและสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยแก้ปัญหาผ่านกลไก คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และตั้งเป้าให้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือน และนัดแรกจะจัดประชุมในวันพรุ่งนี้ (30 ตุลาคม 2567) เพื่อติดตามความคืบหน้าและพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป

...

ขณะที่วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เร่งรัดเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศใหม่ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ยังคั่งค้างเพื่อช่วยดึงดูดการลงทุน รวมถึงใช้ประโยชน์ด้านส่งออก-นำเข้า โดยการเจรจา FTA ที่ใกล้ปิดดีล เช่น ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) มีสมาชิก 4 ประเทศ คือ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ หากเจรจาสำเร็จในปีนี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ทำ FTA กับ EFTA นอกจากนั้น ยังมีการผลักดัน FTA อื่นๆ เช่น FTA กับสหภาพยุโรป (EU) ปากีสถาน ภูฏาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินเดีย ทำให้ภายในรัฐบาลนี้คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้อีกหลายฉบับ รวมๆ มากกว่า 10 ประเทศ จากปัจจุบันไทยมี FTA 15 ฉบับกับเพียง 18 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด

ส่วนเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ตนได้คิกออฟระบบการให้บริการส่งออกสินค้ามาตรฐาน OCS Connect ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% ตั้งแต่ในสัปดาห์แรกที่รับตำแหน่ง โดยระบบครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การออกใบทะเบียน/ใบอนุญาต การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า จนกระทั่งการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อประกอบพิธีการศุลกากรขาออกผ่านระบบ National Single Window (NSW) ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และเบ็ดเสร็จในแพลตฟอร์มเดียว มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ลดเอกสารที่ซ้ำซ้อน ลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น และรองรับการชำระค่าธรรมเนียมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ e-Payment ได้ทันที

เรื่องสุดท้าย การปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า ตนสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หารือร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยทราบว่ามีนัดหมายกันในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ในเบื้องต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะชะลอการจดทะเบียนนิติบุคคลให้กับบุคคลที่อยู่ในบัญชีความเสี่ยง มีการเพิ่มความเข้มงวดในการรับจดทะเบียนด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ให้บุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยตามประกาศรายชื่อ HR 03 ของ ปปง. ต้องมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน เป็นต้น

“ขอเรียนย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์ พร้อมรับทุกข้อเสนอ เพื่อทำให้การค้าการลงทุนภายใต้รัฐบาลนี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำข้อเสนอในสมุดปกขาวของ กกร. มาปรับใช้ให้เข้ากับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดรับกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชนต่อไป”

พร้อมกันนี้ นายพิชัย ยังเปิดเผยถึงการหารือกับ นางสาวปิง คิตนีกอน (H.E. Ms. Ping Kitnikone) เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่า เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้พบกันหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำความพร้อมของไทยในการทำงานร่วมกับแคนาดาอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน โดยไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนจากแคนาดาที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ ซึ่งสอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ด้านพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับแคนาดาด้าน AI และ Cybersecurity อีกทั้ง ไทยยังมีศักยภาพเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ นอกจากนี้ ไทยยังสามารถขยายโอกาสทางเศรษฐกิจกับแคนาดาเพื่อเชื่อมโยงไปยังกลุ่มประเทศ G7 ที่แคนาดามีความตกลงการค้าเสรีครบทุกประเทศแล้ว

นายพิชัย ยังได้ขอบคุณแคนาดาที่มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจแคนาดาสาขาต่างๆ มายังไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 พร้อมทั้งเชิญชวนภาคธุรกิจเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับภาคเอกชน เช่น งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX-ANUGA ASIA (27-31 พฤษภาคม 2568) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ของเอเชีย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกันด้วย นอกจากนี้ ไทยและแคนาดาเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดา ให้เสร็จตามเป้าหมายในปี 2568 ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน สามารถเชื่อมโยงทั้งสองภูมิภาคให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และความตกลงดังกล่าวยังถือเป็น FTA แรกของไทยกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ

สำหรับในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ตนยังได้พบกับ นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และ นางแมรี่ เอ็นจี (Mary Ng) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการส่งเสริมการส่งออก การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ ของแคนาดา และในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปก (APEC Ministerial Meeting: AMM) ครั้งที่ 35 กลางเดือนพฤศจิกายน 2567 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตนจะมีโอกาสพบหารือกับ นางแมรี่ อีกครั้ง เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในเชิงลึกระหว่างไทยและแคนาดาต่อไป

ในปี 2566 แคนาดาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 30 ของไทย โดยการค้ารวมของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 2,933.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.41 โดยไทยส่งออกไปยังแคนาดามูลค่า 1,903.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.07 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ข้าว เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่ไทยนำเข้าจากแคนาดามูลค่า 1,030.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 11.03 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ