“ภูมิธรรม” หนุนเพื่อไทยชงนิรโทษกรรม แต่ไม่แตะมาตรา 112 ยัน พรรคไม่ขัดแย้งกันเอง ด้าน “ชูศักดิ์” ย้ำ เพื่อไทยไม่ได้คว่ำกฎหมายนิรโทษ บอก เรื่องละเอียดอ่อนต้องคุยรอบคอบ
วันที่ 27 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ที่เตรียมเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 พรรคเพื่อไทยจะมีการเสนอร่างเข้าประกบด้วยหรือไม่ ว่า พรรคยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้อย่างชัดเจนเนื่องจากยังมีเวลา โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่จะพิจารณา ก่อนที่จะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป ว่าจะเสนอร่างนิรโทษกรรมประกบไปด้วยหรือไม่
นายภูมิธรรม ระบุต่อไป ส่วนตัวเห็นว่าพรรคเพื่อไทยควรเสนอร่างประกบไปด้วย และมองว่าเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นหากเป็นกรณีในความผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่น บางคนอาจไม่ได้มีส่วนร่วมแต่ถูกจับโยงเข้าไป รวมถึงการแสดงความเห็นต่างทางการเมือง ควรได้รับการนิรโทษกรรม เพราะไม่ใช่ความผิดทางอาชญากรรม แต่หากเป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยืนยันว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมในเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นเจตจำนงตั้งแต่ต้นของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลมา ที่สำคัญเรื่องการกระทำผิดหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตราบใดที่สังคมยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก็ไม่ควรจะหยิบมาเป็นประเด็น
...
ส่วนคำถามถึงกรณี สส.พรรคเพื่อไทย โหวตไม่รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ทั้งที่ญัตตินี้เสนอโดยพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของคนในพรรคนั้น นายภูมิธรรม เผยว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคนที่แสดงความเห็นต่างมีไม่เท่าไหร่ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ขัดแย้งกันเองอย่างแน่นอน
ทางด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี สส.พรรคเพื่อไทย โหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า เรื่องนี้ตนขอทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้โหวตคว่ำกฎหมายนิรโทษตามที่พูดๆ กัน เพราะการพิจารณาดังกล่าวไม่ใช่การพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เป็นการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ ซึ่งสภารับทราบรายงานแล้ว เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกต คือไม่ต้องส่งรายงานความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ รายงานฉบับดังกล่าวก็จะอยู่ที่สภา หน่วยงานใดๆ จะไปใช้ประโยชน์ก็เป็นสิทธิ
เมื่อถามถึงเรื่องที่ขณะนี้มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจ่อเข้าที่ประชุมสภาสมัยประชุมหน้าถึง 4 ฉบับ พรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างประกบหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีร่างกฎหมายนิรโทษของตนเอง เนื่องจากเราเห็นควรให้มีการศึกษาก่อน ในชั้นนี้จึงต้องหารือกันทั้งในระดับ สส. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค รวมถึงคณะกรรมการบริหารของพรรคก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไร จะเสนอร่างหรือไม่ ถ้าเสนอจะครอบคลุมการกระทำอะไรบ้างที่ต้องการนิรโทษ
สำหรับการนิรโทษสามารถแยกได้เป็น 2 ส่วน คือ การนิรโทษทั่วไป ความผิดที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองทั้งหลาย ที่ผ่านมาที่ประชุมดูจะไม่ได้ให้ความสนใจอภิปรายจุดนี้ ไปมุ่งสนใจประเด็นมาตรา 112 กันเสียส่วนใหญ่ ก็ต้องไปคิดไตร่ตรองกันว่าจะเอาอย่างไร เนื่องจากร่างของพรรคการเมือง (พรรคก้าวไกลในอดีต) และภาคประชาชน มีเรื่องนี้อยู่ทั้งหมด ต้องนั่งพูดคุยทำความเข้าใจกัน เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคุยกันให้ชัด และต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการนิรโทษกรรมว่าเป็นไปเพื่ออะไร
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าคงยังไม่ได้มีข้อสรุปได้ในเร็วๆ นี้ เพราะกฎหมายที่อยู่ในวาระ ยังไม่ถึงเวลาจะพิจารณากัน ต้องรอการกำหนดวาระการประชุมของวิป หรือถ้าคุยก็ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะต้องทำความเข้าใจกันอย่างรอบด้าน และต้องดูว่าพรรคร่วมอื่นๆเห็นอย่างไรด้วย คงต้องดูกันตอนนั้น
ขณะที่ประเด็นข้อสังเกตมีการพูดถึงความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย การไม่เห็นชอบข้อสังเกตถือเป็นการปิดประตูนิรโทษกรรมประเด็นนี้หรือไม่ นายชูศักดิ์ ตอบว่า นี่แหละที่พยายามอธิบายว่าเราไม่ได้พิจารณากฎหมาย จะพูดว่าปิดประตูขนาดนั้นคงไม่ได้ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ต้องพิจารณาแน่ๆ เมื่อวาระสภามาถึง เพราะร่างเหล่านั้นอย่างน้อย 2 ร่างมีเรื่องมาตรา 112 อยู่ พรรคการเมืองจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ต้องไปคิดกัน
ในช่วงท้าย นายชูศักดิ์ เผยด้วยว่า เรายังไม่ได้มีมติของพรรคว่าอย่างไร เป็นเพียงความเห็นของ สส. ที่เป็นเอกสิทธิ์ เรายังไม่ได้พิจารณากฎหมายเลย ยังไม่มีมติของพรรค ประเด็นคือจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมใหม่ และหากจะเสนอจะครอบคลุมการกระทำอะไรบ้าง ส่วนว่าวันที่ 29 ตุลาคม 2567 จะคุยเรื่องนี้หรือไม่ ขอให้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กำหนด อาจคุยแนวทางกว้างๆ ก็ได้ แต่ในที่สุดคงต้องฟังองค์กรของพรรค เช่น กรรมการยุทธศาสตร์ กรรมการบริหารด้วย.