คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมลูกพรรค เรียกร้องนายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษต่อประชาชน กรณีความสูญเสียที่ตากใบ หลังคดีจ่อหมดอายุความพรุ่งนี้ กังวลใจท่าทีผู้มีอำนาจยังไม่ชัดเจน หวังรัฐจริงใจถอดชนวนความขัดแย้ง กระตือรือร้นตามตัวจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวถึงกรณีคดีการสลายการชุมนุมตากใบ ซึ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และกำลังจะหมดอายุความในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งจำเลยสำคัญในคดีและเป็นอดีต สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พลเอกพิศาล วัฒนวงศ์คีรี ยังคงลอยนวลไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โดยที่รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีท่าทีและความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เพื่อสร้างความกระจ่างให้สังคม โดยเฉพาะการควบคุมตัวประชาชนจนนำไปสู่การสูญเสียร่วม 85 ชีวิต
คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจเพื่อทำทุกวิถีทางในการติดตามตัวจำเลยที่หลบหนีคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อคงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายบริหารกลับพยายามมองเรื่องดังกล่าวว่าเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า หากผู้มีอำนาจยึดคำว่าชาติมาเป็นที่ตั้ง ก็จะทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นไปอย่างเหมาะสม สามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายได้
...
ด้านนายชวลิตระบุด้วยว่า ในฐานะอดีตกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดทำรายงานการศึกษาจำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วยรายงานเรื่องแนวทางการสร้างความปรองดอง และรายงานการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการพัฒนาสร้างสันติสุขและประชาธิปไตยใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งรายงานทั้ง 2 ฉบับ หลักการคือแนะนำให้ฝ่ายบริหารนำนโยบายการเมืองนำการทหารตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 มาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์
จากนี้จะเหลือเวลาอีกเพียง 1 วัน ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษต่อประชาชน กรณีเหตุการณ์คดีตากใบแม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปนานเพียงใดก็ตาม
2. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกระตือรือร้นในการสืบหาตัวจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลอย่างถึงที่สุดก่อนคดีจะหมดอายุความ
3. รัฐบาลควรปรับแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยนำหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และนโยบายการเมืองนำการทหารตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 มาประยุกต์ใช้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยสันติภาพด้วยความจริงใจ เพื่อลดการแก้ไขปัญหาความรุนแรงโดยยึดหลักการ “ให้อภัย” อันจะเป็นหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบและเหตุการณ์อันเจ็บปวดเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาได้