ผู้สื่อข่าวรายงานรายละเอียดในที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม มี ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.เพื่อไทย เป็นประธาน นำเรื่องรถบัสเกิดเหตุไฟไหม้ขณะพานักเรียนไปทัศนศึกษา และมีครูและนักเรียนเสียชีวิต ในที่เกิดเหตุจำนวน 23 ราย เชิญอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จิรุตม์ วิศาลจิตร มาชี้แจงในที่ประชุมกรรมาธิการ (เรื่องใหญ่ขนาดนี้ควรจะเชิญระดับ รมต.และปลัดกระทรวงมาชี้แจงด้วย)

เปิดฉากมา อธิบดีกรมการขนส่งทางบก แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เริ่มรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า วันที่เกิดเหตุ ตัวอธิบดีได้ลงไปดูในที่เกิดเหตุ ตอนนั้นเพลิงสงบแล้ว (เหตุเกิดประมาณเที่ยงวัน) พร้อมกับนำวิศวกรผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบรถที่ถูกไฟไหม้ตั้งแต่เวลา 17.00 น. จากนั้น ชีพ น้อมเศียร ผอ.สำนักวิศวกรรมยานยนต์ของกรมการขนส่งทางบก ได้ชี้แจงต่อไปว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่า ประตูด้านหลังฝั่งขวา คันโยกที่ใช้เปิด-ปิด จากภายในตัวรถยังใช้งานได้ปกติ (ถึงแม้จะถูกไฟไหม้อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง) ระบุด้วยว่ารถที่เกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียวไม่ใช่รถสองชั้น แต่มีพื้นที่ด้านล่างใช้เก็บสัมภาระ ส่วนที่คาดว่าจะเกิดจากยางรถยนต์ระเบิดไปตรวจแล้ว ล้อรถไม่ได้ระเบิด พบว่ามีถังแก๊สจำนวน 11 ถัง และพบว่า มีท่อแก๊สหลุด เป็นเหตุให้เกิดแก๊สรั่ว และยังพบว่า เพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกและกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะร่วมกันวิเคราะห์สาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ต่อไป สรุปคือยังไม่ฟันธงว่า สาเหตุที่ไฟไหม้เกิดจากอะไร (จะมีผลต่อคดี)

ต่อมา อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่ายยาวว่ากรมการขนส่งทางบกมีมาตรการตรวจสอบรถโดยสารใช้แก๊สอย่างไรบ้าง 1-5 ข้อ กรรมาธิการจากพรรคภูมิใจไทย พีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สส.นครสวรรค์และ ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ได้ถามย้ำถึงการตรวจสอบการติดถังแก๊สว่าทำไมมีถึง 11 ถัง ที่เกินมา 5 ถังไปติดตั้งเพิ่มได้อย่างไร เป็นการตรวจสภาพรถแบบตรวจทิพย์หรือเปล่า หรือผู้ตรวจสอบไม่เห็นถังแก๊ส “รถบัสคันนี้จดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2513 พวกผมยังไม่เกิดเลย มาจดทะเบียนซ้ำในปี 2561 ทั้งที่มีการดัดแปลงสภาพมามากมาย” อธิบดีกรมการขนส่งตอบว่า การติดถังแก๊สเกินกว่า 5 ถัง จากที่ขอไว้ 6 ถัง รวมเป็น 11 ถัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ (เห็นว่าผิดชัดเจนอยู่แล้ว) กำลังตรวจสอบว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

...

ผอ.สำนักวิศวกรรมยานยนต์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถังแก๊สที่รั่วเป็นถังหมายเลข 8 ซึ่งเป็นถังอยู่นอกระบบ ในส่วนของผู้ประกอบการรายนี้มีรถที่อยู่ในกำกับดูแล 2 คัน ซึ่งเป็นคันที่เกิดอุบัติเหตุได้มีการระงับใบอนุญาตแล้วเพราะอีกคันไม่สามารถใช้งานได้เพราะมีลักษณะรถที่ใกล้เคียงกัน (มีความพยายามนำไปถอดถังแก๊สที่เกินออกหลังจากเกิดเหตุ) ซึ่งขนส่งจังหวัดสั่งให้เอารถมาตรวจสอบที่ จ.ลพบุรี คาดว่าจะเอามาตรวจสอบในเวลา 14.00 น. (วันที่ 3 ต.ค.)

อธิบดีกรมการขนส่งทางบกพยายามชี้แจงว่าใครต้องรับผิดชอบบ้าง เช่น ผู้ประกอบการ คนขับรถ วิศวกรผู้ตรวจถังแก๊ส ที่สั่งระงับการทำหน้าที่ บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน กรรมาธิการถามย้ำอีกว่าไม่ตอบคำถามรถอายุ 54 ปี ผ่านการจดทะเบียนได้อย่างไร ปรากฏว่าประธานกรรมาธิการรีบตัดบท อ้างว่าลงรายละเอียดมากไป เกรงว่าไม่สะดวกกับผู้มาชี้แจง ขอให้รอการสรุปหลักฐานจากตำรวจ

และเห็นใจอธิบดี ต้องรับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีตลอดเวลา (ขอบคุณผู้รายงานข่าวชิ้นนี้ด้วย)

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th 

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม