“พริษฐ์” ตอกกลับนักร้องยกรัฐธรรมนูญ ม.256 เปิดช่องสมาชิกรัฐสภาชงแก้ รธน.รายมาตราได้ ขุดอดีตตั้งแต่ปี 62 แก้กันมาหลายครั้งไม่เห็นมีปัญหา ยันลุยต่อแค่ตอนนี้พักยกปิดช่องพรรคการเมืองอ้างปมรื้อมาตรฐานจริยธรรม คว่ำกระดานแก้ รธน.ล้มแพ็กเกจอื่น ลั่นพรรคไม่มีกลัว เดินหน้าชนนิติสงครามมาตลอด “วิสุทธิ์” ยัน พท.ยังไม่ได้ถอนร่างแก้รธน.รายมาตรา และแค่ตีกรอบให้ชัดไม่ใช่แก้ไขประมวลจริยธรรม กมธ.วุฒิสภาเมินครหายื้อเกมแก้ รธน. “นันทนา” เชื่อมีใบสั่งรื้อเกณฑ์ประชามติล็อกเสียงข้างมาก 2 ชั้น

“เลขาฯ กกต.” หวั่นขัดกฎหมาย

แนะทำประชามติแยกจากการเลือกตั้งนายก อบจ. เผยตีตก 2 คำร้องไม่มีข้อเท็จจริงชงยุบพรรค-สอยนายกฯจากกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้วินิจฉัยและมีหนังสือสั่งให้พรรคประชาชน (ปชน.) ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งหมด อ้างทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 74 นำไปสู่การยุบพรรคได้

“ไอติม” ยก รธน.ม.256 ตอกนักร้อง

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีมีนักร้องขาประจำไปยื่นต่อ กกต. เพื่อให้มีหนังสือไปยังพรรค ปชน.ให้ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ไม่เช่นนั้นอาจดำเนินการร้องยุบพรรคว่า การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา กระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เขียนเอาไว้ชัดว่าสมาชิกรัฐสภา สามารถยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราได้ และที่ผ่านมาการประชุมรัฐสภา ตั้งแต่ปี 2562 เห็นมีการยื่นแก้ไขรายมาตราหลายครั้ง และมีร่างที่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภา จนมีผลบังคับใช้อีกด้วย เช่น เรื่องการแก้ระบบเลือกตั้ง ยืนยันเราเดินหน้ายื่นแก้ไขรายมาตราแน่นอน เพราะไม่มีอะไร ที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องที่ได้แถลงว่าหากมีความจำเป็นพรรค ปชน.จะพักเรื่อง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรฐานจริยธรรมเอาไว้ก่อนนั้น ที่พักไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเรื่องมาตรฐานจริยธรรมเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่เหตุผลคือเพื่อไม่ให้พรรคอื่นนำเอาร่างดังกล่าวไปเป็นเงื่อนไขที่จะไม่พิจารณาร่างแก้ไขรายมาตราแพ็กเกจอื่นๆ

...

เผชิญนิติสงครามมาตลอดไม่มีกลัว

โฆษกพรรค ปชน.กล่าวว่า เข้าใจว่านิติสงคราม เป็นการกระทำที่เราเห็นกันอย่างต่อเนื่อง แต่ท้ายที่สุดแล้วพรรคต้องเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ตามที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศ และเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทุกฉบับที่เสนอไป แม้กระทั่งแพ็กเกจเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรฐานจริยธรรม เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เมื่อถามย้ำว่า พรรค ปชน.กลัวหรือไม่ ที่จะโดนนิติสงครามมาเล่นงานอีก นายพริษฐ์กล่าวว่า ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาสู่ก้าวไกล จนมาถึงพรรคปชน. เราเผชิญกับนิติสงครามมาโดยตลอด และสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือไม่ทำให้สภาวะนิติสงครามมาสร้างสภาพแวดล้อมแห่งความหวาดกลัว หรืออุปสรรคต่อการเดินหน้าในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เราคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ

เพื่อไทยแจงชะลอไว้ยังไม่ถอนร่าง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ขณะนี้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นต่อรัฐสภาอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของรัฐสภา คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นเดือน ต.ค. ยังไม่มีการบรรจุระเบียบวาระ หากวิปรัฐบาลหารือกันแล้วมีมติว่าไม่บรรจุคือจบไป หรือต่อให้บรรจุเป็นวาระแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณา เลื่อนออกไปได้เรื่อยๆ แต่ขอยืนยันว่าร่างของพรรค พท.ไม่ได้แก้ไขประมวลจริยธรรมยังคงไว้ เพียงแต่แค่ให้ตีกรอบว่าการกระทำผิดจริยธรรมมีขอบเขตแค่ไหนเช่น เคยมีเหตุชกต่อยกันเรื่องผ่านมา 30 ปี ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ แต่ขณะนี้พรรค พท.ชะลอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราไว้ก่อน ยังไม่ถอนเรื่อง ส่วนที่นักร้องไปยื่นร้องต่อองค์กรอิสระ ขอให้ถอนเรื่องดังกล่าวออก ยังไม่ได้บรรจุเป็นระเบียบ วาระ ใครอยากจะร้องร้องไป แต่ขอยืนยันว่าสภาฯมีหน้าที่แก้กฎหมาย

แก้ รธน.ต้องให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องกัน

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นกรอบจริยธรรมว่า เรารับฟังความเห็นจากหลายภาคส่วน ดังนั้นอะไรที่เป็นเรื่องที่ต้องปรับตาม เราก็ปรับ การแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นเรื่องที่มีความเห็นร่วมกันในสังคมจริงๆ ถ้าสังคมยังเห็นแตกต่างไม่ควรเดินหน้า ควรให้เดินไปด้วยความเห็นพ้องต้องกันให้ได้มากที่สุด

“พงศ์เทพ” ชี้ สส.มีช่องทางเดินต่อ

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาด้านนโยบายนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงไทม์ไลน์การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อาจถูกขยับออกไป หาก สว.กลับมาแก้ไขกฎหมายประชามติ ให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นเหมือนเดิม ว่า ขณะนี้รัฐบาลเน้นการแก้ปัญหาอุทกภัยคงไม่ได้เร่งพิจารณาประเด็นการเมืองอื่นๆ นายกฯยุ่งกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอยู่ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสภาฯกําลังเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาแล้ว ดังนั้น ในส่วนนี้ไม่มีอะไรที่รัฐบาลจะดำเนินการได้ เมื่อถามยํ้าว่าจะมีข้อแนะนํานายกฯอย่างไร เพื่อไม่ให้ถูกมองว่ารัฐบาลยื้อเวลาไม่ทำตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา นายพงศ์เทพกล่าวว่า วุฒิสภาไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะฉะนั้นหาก สว.ทําอะไร รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม สภามีช่องทางตามรัฐธรรมนูญเพื่อดําเนินการต่อไปได้

สว.เมินครหายื้อเกมแก้ รธน.

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขหลักเกณฑ์การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญจะต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียง แทนหลักเกณฑ์เดิมในชั้นสภาที่ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงอย่างเดียว ว่า เป็นเรื่องที่ กมธ.พิจารณาร่วมกัน ส่วนที่ฝ่ายการเมืองมองว่าการแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการยื้อการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่ทราบ แล้วแต่จะมอง เป็นเรื่องพรรคการเมืองที่จะมอง ไม่เกี่ยวกับ กมธ. เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมวุฒิสภา วันที่ 30 ก.ย. ที่มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จะพิจารณาอย่างไร แต่จะถึงขั้นต้องตั้ง กมธ.ร่วมระหว่าง สส. และ สว.มาพิจารณาร่วมกันหรือไม่ ก็แล้วแต่กระบวนการของการร่างกฎหมาย

ข้างน้อยเชื่อมีใบสั่งรื้อล็อก 2 ชั้น

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีวุฒิสภาจะประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ในวันที่ 30 ก.ย.ว่า เชื่อว่าที่ประชุมวุฒิสภาจะให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติตามที่ กมธ.เสียงข้างมากได้แก้ไขหลักเกณฑ์การผ่านประชามติต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ต่างจากเนื้อหาในชั้นสภาที่ให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ เหตุผลที่ กมธ.วุฒิสภากลับมติให้ไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้นเหมือนมีใบสั่งมา ผลโหวตจึงออกมาเป็น 17 ต่อ 1 ตนเป็น กมธ.เสียงข้างน้อย เมื่อถามว่า หากวุฒิสภาเห็นชอบและมีการตั้ง กมธ.ร่วมกับ สส. มองว่าจะกระทบไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ น.ส.นันทนาตอบว่า คงยืดเยื้อเพราะการตั้ง กมธ.ร่วมไม่มีกรอบเวลา เชื่อว่า สส.จะยืนตามร่างฉบับเดิม หากจะกลับไปใช้เกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น ไม่รู้ว่าจะแก้ตั้งแต่ต้นทำไม ถ้าตั้ง กมธ.ร่วมแล้วตกลงกันไม่ได้ กฎหมายนี้ต้องรอไปอีก 180 วัน กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่เห็นด้วยกับระบบเสียงข้างมากแบบง่าย จะร่วมกันอภิปรายแสดงจุดยืนในวันที่ 30 ก.ย. แม้รู้ว่าลงมติอย่างไรก็แพ้ แต่ขอแสดงเหตุผลให้ประชาชนทราบ

“แสวง” มองประชามติน่าแยกกับ อบจ.

ที่ จ.สมุทรสงคราม นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีข้อกังวลว่าการทำประชามติจะทำไม่ทันพร้อมการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เดือน ก.พ. ปี 2568 ว่า การทำประชามติยังไม่มีในกำหนดการของ กกต. ผู้ที่จะกำหนดได้คือ ครม. หาก ครม.มีมติว่าจะทำประชามติ กกต.จะทำปฏิทินตามแผนที่วางไว้ ยืนยันว่าหากมีมติจาก ครม.พร้อมจะทำไม่ว่าเวลาใด เมื่อถามถึงข้อกังวลว่าหากเลือกทำประชามติพร้อมการเลือกนายก อบจ. จะไม่สะดวกในการบริหารจัดการ นายแสวงกล่าวว่า หากมีมติว่าจะทำวันเดียวกัน ทางทฤษฎีทำได้แต่ข้อกฎหมายจะมีปัญหา ข้อกฎหมายของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ระบุไว้แตกต่างกัน เป็นเรื่องยากที่ใช้ กปน.ชุดเดียวกันทำงานที่ต่างกัน และจะทำให้งบฯบานปลาย ปัจจุบันกฎหมายประชามติยังอยู่ในชั้นรัฐสภาอยู่ มองว่าเวลานี้การทำประชามติควรเป็นแบบแยกทำจะดีกว่า

ปัดยื้อสอบ “หมอเกศ”

นายแสวงยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดียุบพรรคว่า ปัจจุบันมี 10 กว่าคำร้อง มีทั้งเรื่องขอให้ยุบพรรค ขอให้พ้นจากความเป็นนายกฯ และรัฐมนตรี อยู่ในขั้นตอนที่สำนักงาน กกต.รวบรวมข้อเท็จจริง เบื้องต้นมีประมาณ 2 เรื่องที่ไม่รับดำเนินการ เป็นคำร้องเรื่องใดนั้นจำไม่ได้ เนื่องจากคำร้องดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นคำร้อง ตั้งเป็นคำถาม หรือข้อสังเกตที่ไม่มีข้อเท็จจริง สำนักงาน กกต.จะหาข้อเท็จจริงระดับหนึ่ง จึงจะสั่งว่าจะรับไว้หรือไม่รับไว้ดำเนินการ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.นั้น สำนักงาน กกต.และ กกต.พยายามเร่งรัด เพราะเข้าใจความรู้สึกสังคม ณ วันนี้ ประชาชนลืมคดีนี้ไปหาเรื่องใหม่แล้ว แต่เรายังทำอยู่ อยากให้เข้าใจการทำงานของสำนักงาน กกต. แต่ทุกอย่างมีกระบวนการ ที่หลายคนมองว่า กกต.ช่วยเหลือ พญ.เกศกมลมองได้ทุกอย่าง แต่ กกต.รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

พร้อมเลือกตั้งนายก อบจ.ไขก๊อก

นายแสวงกล่าวอีกว่า สำหรับความพร้อมการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่มีนายก อบจ.หลายจังหวัดทยอยลาออก มีการเลือกนายก อบจ.ไปแล้ว 3 จังหวัด เกิดจากการลาออกก่อนครบวาระ และเมื่อวันที่ 27 ก.ย. นายก อบจ.เพชรบุรี ได้แจ้งลาออก คาดว่าจะมีทยอยลาออกอีก ก่อนจะครบวาระวันที่ 19 ธ.ค.67 การลาออกอยู่เหนือการควบคุม แต่เราพอมีข้อมูลอยู่บ้างว่า จะมีการลาออกอีกหลายจังหวัด ไม่เป็นอุปสรรคในการเลือกตั้ง เรามีความพร้อมอยู่แล้ว แต่อาจกระทบกับงบฯ เนื่องจากบางจังหวัดต้องมีการเลือกถึง 2 ครั้ง เมื่อถามถึงความห่วงกังวลที่อาจเกิดปัญหาเหมือนที่ อบจ.ปทุมธานี ที่เกิดการเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม เป็นเหตุต้องให้เลือก 2 รอบ มีแผนรับมืออย่างไร นายแสวงกล่าวว่า เรามีมาตรการการป้องกันเหตุที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

เตือนระวังการใช้งบฯช่วยน้ำท่วม

นายแสวงกล่าวอีกว่า ขณะที่การใช้งบของนายก อบจ.ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่ง 180 วัน ถ้าทำตามโครงการงบฯประจำปีทำได้อยู่แล้ว ต้องดูแลประชาชน เป็นกิจกรรมในแผนงานของงบประจำปี แต่ถ้าทำอะไรที่เกินนอกจากนั้น ต้องดูว่าคืออะไร เป็นสิ่งที่จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนนได้รับผลประโยชน์หรือไม่ผิดปกติหรือไม่ ต้องดูเป็นกรณี กรณีภัยพิบัติน้ำท่วม ต้องดูว่าถ้าอยู่ในช่วงประกาศให้มีการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้ข้อกำหนดหรือข้อกฎหมายการหาเสียงหรือไม่ คนมีตำแหน่งหน้าที่ต้องดูว่าการช่วยนั้นเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามแผนงานงบฯหรือไม่ เรื่องน้ำท่วมคงไม่ได้อยู่ในแผนงาน เรียกว่าเกิดเหตุแบบกะทันหัน ต้องดูว่าสมควรแก่เหตุหรือไม่ กกต.จึงต้องช่วยเตือน เพราะอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน ถ้าทำจริงถูกร้อง แต่เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน

“วันชัย” ประเมินนิติสงครามเดือด

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนิติสงคราม...ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ระบุว่า นิติสงครามที่บางคนบางกลุ่มกำลังทำอยู่ก็ทำกันไป จะเกิดขึ้นอย่างไรแล้วแต่ เท่าที่แอบรู้ต่อแต่นี้จะไม่มีใครยอมใคร ตาต่อตา ฟันต่อฟันจะเกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลทำสงครามฝ่ายเดียว ร้องมาก็ร้องไป ฟ้องมาก็ฟ้องไป ทำสงครามแบบไหน จะเจอสงครามแบบนั้น ตีกลับทุกเม็ด ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ประวัติใสหรือสกปรก มีแผลตรงไหนจะถูกลากไส้ออกมา โคตรเหง้าศักราชจะถูกเข้ามาเกี่ยวดองด้วยหรือไม่ จะสุขสบายต่อไปหรือเปล่า ต้องดูกันต่อไป อยากสร้างสงครามจะเจอสงคราม เมื่อน้ำจะลดตอจะผุด เราจะเห็นว่ามันคือหัวตอ ส่วนผมขอขึ้นภูดูหมากัดกันดีกว่า ลมหนาวกำลังมา

ปลื้มยอดกดเงิน 2 แบงก์พุ่งกระฉูด

อีกเรื่อง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. มีการถอนเงิน 10,000 บาทจากตู้เอทีเอ็มของ ธ.ก.ส. เพิ่มขึ้น 18.8 เท่าตัวของวันที่ 24 ก.ย. ขณะที่ยอดถอนเงินตู้เอทีเอ็ม ธนาคารออมสิน วันที่ 25 ก.ย. มีรายการถอนเงินพุ่ง 1.76 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 2.84 เท่าตัว วันที่ 26 ก.ย. มีจำนวนรายการถอนเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 3.72 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 ก.ย. ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าประชาชนกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินสูง มีเงินไม่พอใช้ มีเท่าไหร่ ต้องถอนมาใช้เกือบหมด เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคสูง หมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันทีและมีประสิทธิภาพ

พท.โหมตีปี๊บสร้างโมเมนตัม ศก.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาทตามนโยบายรัฐบาลว่า รัฐบาลเดินหน้าโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ในส่วนกลุ่มเปราะบาง ภาพรวมเรียบร้อย หากมีตกหล่น รัฐบาลจะเร่งเติมเต็มให้เร็วที่สุด ครั้งนี้แม้เป็นจำนวนเงินเท่ากัน แต่คุณค่าอาจแตกต่างกัน บางคนทั้งชีวิตเพิ่งเคยจับเงินหมื่นจากโครงการนี้ เหมือนต่อลมหายใจกลุ่มเปราะบาง นำไปซื้อเครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือนำไปลงทุนประกอบวิชาชีพ รัฐบาลสร้างพายุหมุนลูกแรกขึ้นมา เพื่อวางรากฐานสร้างรายได้ที่มั่นคงระยะยาวให้คนไทยมีความมั่นคง หารายได้อย่างยั่งยืนและยังมีอีกหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งพักชำระหนี้เกษตรกร การลดดอกเบี้ย ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า ทำให้รายได้ภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียน สร้างโมเมนตัมพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกต่อไป คนไทยได้ประโยชน์แท้จริง สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจภาพใหญ่ วันนี้แม้คะแนนนิยม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรัฐบาลจะพุ่งสูงขึ้น แต่รัฐบาลจะเร่งทำงานหนักต่อไป เพื่อประเทศและประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

“ธนกร” จี้คุมเข้มเจ้าหนี้ข่มขู่รีดเงินหมื่น

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า จากกรณีพบมีกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ เข้าไปข่มขู่ทวงหนี้จากลูกหนี้ที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้มีรายได้น้อย หลังรัฐบาลโอนเงินหมื่นให้กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบางผู้พิการกว่า 14.55 ล้านคน ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ไปแล้ว ทำให้ผู้ที่ได้รับเงินไปแล้วไม่สามารถนำไปใช้สอยเพื่อลดภาระค่าครองชีพได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล ขอฝากกำชับฝ่ายปกครองแต่ละจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปกวดขันเข้มงวด ช่วยเหลือดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ไม่ถูกเจ้าหนี้นอกระบบคุกคามข่มขู่ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่