“พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์” หอบหลักฐานยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ “บิ๊กป้อม” ลาประชุมสะท้านโลก 84 ครั้ง ผิด รธน.-กฎหมายทุจริต เผย รู้ตัวเจ้าหน้าที่นำสมุดไปให้เซ็นชื่อ-สแกนบัตรเข้าประชุมแทนแล้ว ลั่น ถ้ายังเชื่อ “ไอ้ห้อยไอ้โหน” ก็จะร้องต่อไป จับตาจันทร์หน้า ไปร้องต่อเรื่อง “นักบุญ ทุนประชาชน”

วันที่ 27 กันยายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือและพยานหลักฐานให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีพฤติการณ์ที่น่าจะขัดต่อจริยธรรมร้ายแรงของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป.ป.ช.

โดยกล่าวว่า วันนี้พลเอกประวิตร เป็น สส.บัญชีรายชื่อและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากการตรวจสอบเรื่องการขาด-ลา ของพลเอกประวิตร ได้รับเอกสารจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่ามีการเรียกประชุมตั้งแต่ 3 กรกฎาคม 2566 จนถึงปัจจุบันมีการประชุมหลายครั้งปรากฏว่าพลเอกประวิตรน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้าโดยขาดประชุมจนถึงประมาณ 84 ครั้ง เกือบจะ 100% ในการทำงานดังนั้น สส.ที่เป็นผู้ออกกฎหมายหากทำงานลักษณะนี้ไปอยู่องค์กรไหนองค์กรนั้นก็เจ๊งหมด เพราะการทำงานในลักษณะนี้น่าจะเข้าข่ายที่เรียกว่าการลาเป็นฉากบังหน้า และน่าจะเป็นการแจ้งเท็จต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่

...


ส่วนที่พลเอกประวิตรมาประชุมเพียง 11 ครั้ง ได้ทำการตรวจสอบเชิงลึกแล้ว การมาประชุมเซ็นชื่อและยืนยันตัวตน แน่นอนว่าขัดต่อระเบียบของสภาผู้แทนราษฎร และประกาศขอประธานสภาโดยเฉพาะในอดีตที่ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร มีข้อบังคับและการประกาศชัดเจนว่า สส.ต้องมาประชุมโดยลงชื่อที่บริเวณชั้น 2 หน้าห้องประชุม หลังจากนั้นก็ต้องไปยืนยันตัวตนที่จะต้องกระทำด้วยตัวเองไม่อนุญาตให้คนอื่นทำได้ โดยคาดว่าจะมีการนำสมุดเซ็นชื่อ ไปให้เซ็นนอกเหนือจากบริเวณที่กำหนดและนำบัตรประจำตัว สส. ของพลเอกประวิตรไปยืนยันตัวตน โดยเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นหรือไม่ เรื่องนี้ขัดกับข้อบังคับที่ผิดโดยมีลักษณะคล้ายที่ ป.ป.ช. เคยได้รับคำร้องให้ตรวจสอบ สส.กดบัตรแทนกัน และมีการร้องไปสู่ศาลฎีกา 

มีการอ้างว่าพลเอกประวิตร สุขภาพไม่แข็งแรงมีปัญหาเรื่องสุขภาพและให้เจ้าหน้าที่นำสมุดไปให้เซ็นที่รถ รวมถึงให้เจ้าหน้าที่รัฐแตะบัตรแทนเป็นเรื่องอันตราย ขอเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐอักษรย่อ ต.เต่า และ อ.อ่าง 

“อยากเตือนสติพลเอกประวิตร ในฐานะที่อดีต เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก  มีตำแหน่งใหญ่ทางการเมืองมาแล้ว ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อความสง่าต้องลาออกจาก สส. แถลงข่าวและออกมาขอโทษประชาชนก็จะได้จบเรื่อง ไปตนจะได้ไม่ต้องตรวจสอบต่อ แต่หากยังเชื่อไอ้ห้อย ไอ้โหนรอบตัว และออกมาดิสเครดิตตน ก็คงต้องเจอการร้องเรียนภาคต่อ ๆ ไป”

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่าการยื่นหนังสือร้องเรียนครั้งนี้ ไม่หวังโจมตีทางการเมือง เพราะไม่เคยรู้จักพลเอกประวิตร มาก่อน ถ้าจะร้องก็ร้องหมดทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะรัฐบาลนี้หรือใครก็ตาม การมาร้องก็มีข้อมูลเชิงลึก ไม่ได้ส่งไปรษณีย์มาร้อง เหมือนนักร้องแผ่นเสียงสะดุดบางคน และเผยว่าที่ผ่านมามีคนโทรมาข่มขู่บ้าง เดินวนเวียนแถวบ้านบ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ตนมี

พร้อมทิ้งท้ายว่า ในวันจันทร์ที่ 30 กันยายน ตนจะเดินทางไปสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แจ้งวัฒนะ โดยอ้างว่าจะไปร้องเรื่องที่พลเอกประวิตร อาจรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท ในเรื่อง “นักบุญ ทุนประชาชน” และเรื่องอื่น ๆ อย่าง นารีทำพิษ