“สนธิญา สวัสดี” ยื่น อัยการสูงสุด สอบ “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” 2 นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ผิดจริยธรรม พร้อมยื่นสอบ “นายกฯ อิ๊งค์” แต่งตั้งบุคคลที่เข้าข่ายผิดจริยธรรม ยืนยันไม่ได้รับเงินใครมา ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร

วันนี้ 6 กันยายน 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมายื่นสอบจริยธรรม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเพิ่งจะมีการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรี โดยนายสนธิญา สวัสดี เปิดเผยว่า หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีการจัดตั้งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จนกระทั่งมีการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ตนเองพยายามท้วงติงเรื่องรายชื่อคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะบุคคลที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หากใช้กระบวนการในการแต่งตั้งต้องมีการพิจารณาในเรื่องของจริยธรรมคุณธรรมเป็นที่ตั้งและเป็นที่ประจักษ์สังคม

ซึ่งวันนี้จึงใช้อำนาจของกฎหมายมาร้องเรียนต่อสำนักงานอัยการสูงสุด โดยการอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 14 สิงหาคม 2567 กรณีมีการวินิจฉัยและให้ท่านนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ที่อาจจะเข้าข่ายการฝ่าฝืนและขัดต่อรัฐธรรมนูญหมวด 16 การปฏิรูปประเทศไทยมาตรา 258 ก วงเล็บ 2 ด้านการเมือง โดยมองว่า ผู้ที่จะมีการแต่งตั้งก็ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมจริยธรรมด้วย

และอาจจะฝ่าฝืนจริยธรรมในมาตรา 269 ขาดจริยธรรมคุณธรรมซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ในการกระทำที่ผ่านมา เช่น นายเฉลิมชัยเคยหาเสียงกับประชาชน ระบุว่า “คำไหนคำนั้น” และมีการเคยพูดว่า ถ้าไม่ได้ สส. เกิน 52 คน จะไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นสัญญากับประชาชนที่รู้ทั่วถึงกัน รวมถึงยังเป็น 1 ใน สส. มีที่ดินภาษีบำรุงท้องที่ และเคยยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพียงแค่ช่วงเดียว แต่ช่วงหลังมีการขาดหายไม่ยื่นต่อ มีความสุ่มเสี่ยงไม่โปร่งใสหรือไม่

...

อีกทั้งยังมีกรณีผู้ไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศฮ่องกง ที่สำคัญผู้ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ เป็นนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองจะต้องมีจริยธรรม เพราะตอนนั้นนายทักษิณยังเป็นนักโทษที่หลบหนีรอบประเทศอยู่ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตอนนี้นายทักษิณก็ยังถูกฟ้องจากสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เกี่ยวข้องกับ ม.112 ด้วย มีกรณีปล่อยให้ญาติบุกรุกที่สาธารณะ และมีกรณีดูถูกมหาวิทยาลัยในประเทศไทยช่วงที่มีการหาเสียง

ส่วนกรณีนายเดชอิศม์ เคยไปตรวจสอบนายทักษิณ บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ และมีการไปไหว้นอบน้อมนายทักษิณ มองว่าเป็นการกระทำที่ขาดในเรื่องของสุจริต จริยธรรม คุณธรรม เป็นประจักษ์

วันนี้จึงมาร้องที่อัยการสูงสุด เพื่อยื่นเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรมการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นจริยธรรมร้ายแรง และอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญที่มีการวินิจฉัยล่าสุด เพื่อให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดในการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และภายใน 30 วัน หากสำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่มีการส่งเรื่อง ตนเองก็จะมีการยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

ในวันนี้จะมีการยื่น 3 คน คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาพรรคประชาธิปัตย์ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ส่วนสาเหตุที่ยื่นร้องนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะมีการยื่นและเซ็นแต่งตั้งคนเหล่านี้เป็นรัฐมนตรี ตนเองยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ได้รับเงินใครมา และตนเองก็อยากเปิดเผยว่า มีนักการเมืองใน จ.นครศรีธรรมราช ในพื้นที่ อ.ถ้ำพรรณรา อ.ทุ่งใหญ่ ว่ามีการปล่อยขายน้ำมันเถื่อน ซึ่งมีอีกหลายเรื่องหลายอย่างที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมา ในวันนี้จึงมีการขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในการดำเนินการทางกฎหมาย

ตนเองขอเรียนไปยังนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ว่า ตนเองสงสารและเข้าใจ อยากให้กำลังใจ แต่ต้องเข้าใจว่า ในระหว่างความสัมพันธ์พ่อลูก และการทำหน้าที่ของตัวแทนคนไทยทั้งประเทศนั้น ต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนให้มากที่สุด

ตนเองเคยร้องนางสาวแพทองธารไปแล้ว กรณีเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ ที่ประเทศดูไบ ก่อนหน้านี้ประมาณเกือบปีแล้ว โดยตอนนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังมีการกล่าวหาตนเองว่า “พ่อลูกเขาไปหากัน จะไปร้องทำพ่องอะไร” จึงอยากให้แยกแยะตามบทบาทให้เหมาะสม

ส่วนการร้องในครั้งนี้ จะคล้ายกรณีนายวิชิต ที่เคยถูกจำคุกมาก่อน ในรัฐบาลเศรษฐา แต่ในส่วนของนายเฉลิมชัย นายเดชอิศม์ ยังไปไม่ถึงกระบวนนั้น นายสนธิญา กล่าวว่า ตนเองมองว่ามีพฤติการณ์เดียวกันในเรื่องของความไม่ซื่อตรงและซื่อสัตย์ไม่สุจริต