“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เข้าสักการะศาลหลักเมือง ก่อนข้ามไปวัดพระแก้ว ก่อนเข้าพรรคเพื่อไทย ด้าน “ภูมิธรรม-สุทิน-สุริยะ” รอรับและร่วมสักการะด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้เข้ากราบสักการะพระพุทธรูป พระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นสักการะองค์พระหลักเมืองจำลอง และผูกผ้าแพร 3 สี บนองค์พระหลักเมืองจำลอง ก่อนที่จะกราบสักการะและถวายพวงมาลัยองค์พระหลักเมือง กราบไหว้องค์เทพารักษ์ทั้ง 5 ที่ศาลเทพารักษ์ พร้อมทั้งเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกิดวันพฤหัสบดี และยังเติมน้ำมันตะเกียงลงในอ่างสะเดาะเคราะห์ ซึ่งวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สวมชุดโทนสีฟ้าคราม เป็นสีมงคลประจำวันพฤหัสบดี ช่วยส่งเสริมเรื่องการงาน ขณะที่รัฐมนตรีบางส่วนก็สวมเสื้อโทนสีฟ้าด้วย
...
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มอบองค์จำลองศาลหลักเมืองให้เป็นที่ระลึก พร้อมอวยพรว่า “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินออกมาถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน และเดินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อสักการะพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองประเทศไทยเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินจากศาลหลักเมืองไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เดินอยู่ท่ามกลาง รมว.กลาโหม 2 คนตามที่มีกระแสข่าว นายภูมิธรรมจะไปนั่ง รมว.กลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีหัวเราะชอบใจ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร ขณะที่ระหว่างเดินประชาชนได้ทักทายนายกรัฐมนตรีว่า “ดีใจมากเลยที่เจอ เลือกมากับมือ”
สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี หลังเสร็จสิ้นที่วัดพระแก้ว จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย ที่อาคารชินวัตร ทาวเวอร์ 3 ซึ่งมีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประชุมด้วย ส่วน นายภูมิธรรม ในฐานะรักษาการรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 จะไปประชุมเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กรมชลประทาน ในเวลา 13.00 น.
(ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์)