อดีต สส.ก้าวไกล-อนาคตใหม่ จัดเวทีปราศรัยหลังถูกยุบพรรค “หมออ๋อง” โผล่ร่วมวง “ศิริกัญญา” รับ เจ็บไปทั้งหัวใจ ขอเก็บพลังไปสู้ต่อ ด้าน “ปิยบุตร” ฝากถึง สส.เพื่อไทย โหวตยกเลิกการยุบพรรค ขณะที่ “ชัยธวัช” ถามพรรคการเมืองไหนกันแน่โหนเจ้า ส่วน “พิธา” ปิดท้ายเวที หลั่งน้ำตาอำลา ขอประชาชนร่วมยื่นกฎหมายค้านยุบพรรค-รัฐประหาร
วันที่ 7 ส.ค. 2567 เมื่อเวลา 19.00 น. ที่ลานกิจกรรมพรรคก้าวไกล ภายหลังแกนนำพรรคได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องยุบพรรคเสร็จสิ้น บรรดาอดีต สส.พรรคก้าวไกล และอดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยนางสาวรักชนก ศรีนอก ขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นคนแรก ระบุว่า วันนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย หรือต้องรู้สึกผิด เพราะเชื่อว่าการยุบพรรควันนี้ไม่สั่นคลอนอุดมการณ์ของพวกเรา จึงขอให้ทุกคนช่วยกันในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า จะยังไม่ไปไหน น้ำดีจะไหลไปรวมกับน้ำใส วันนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็จะไม่ไปไหน เรารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ พวกเขาจะทำให้วิโรจน์ร้องไห้ แต่ฝันไปเหอะ ส่วนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า ก้าวไกลคือจิตวิญญาณที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้ และอะไรก็ฆ่าจิตวิญญาณเราไม่ได้
ขณะที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล กล่าวปราศรัยว่า มันเจ็บไปในหัวใจ เพราะนี่คือการยุบพรรคเป็นครั้งที่ 2 ของดิฉันแล้ว “ใครจะชิน กูไม่ชิน” เพราะอำนาจสูงสุดอยู่ที่เรา วันนี้เราจะแปรความแค้น ความเจ็บ เป็นพลังในการสู้ต่อ เพื่อส่งเสียงไปให้ถึงผู้มีอำนาจ ว่า ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือประชาชน “แม้การยุบพรรคครั้งนี้จะเสียใจแค่ไหน ก็ให้ฮึบๆ เพื่อเป็นพลังสู้ต่อไป ตอนนี้ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น ศึกของเรายังอีกยาวไกล และวันนั้นมันจะเป็นวันที่ประชาชนจะมีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้”
...
ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า การยุบพรรค พวกเราเจ็บปวด ประชาชนที่เลือกเรามาก็เจ็บปวด แต่ตนเองเชื่อว่าเพื่อนในพรรคก้าวไกลจะขับเคลื่อนต่อไป และได้เสียงเพิ่มขึ้นแน่นอน คำวินิจฉัยวันนี้ถามว่ากระทบกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ต้องบอกว่า สิวๆ ใช้เวลาไม่นานก็จะกลับมาตั้งตัวได้
“พี่น้องเห็นพรรคก้าวไกลโหนเจ้าบ้างไหม มีแต่จะเชิดชูสถาบันให้สูงขึ้น ผมถามตรงไปตรงมาใครเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมากันแน่”
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่าอยากให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค มารวมตัวกันแก้รัฐธรรมนูญ จึงขอฝากไปถึง สส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายอดิศร เพียงเกษ และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ที่เคยมีประสบการณ์เดียวกัน รวมพลังโหวตยกเลิกการยุบพรรค และขอให้ประชาชนรวมพลังกันไป ในปี 2570 โหวตให้เกิน 300 เสียง ต้องให้พรรคนี้เขาเป็นรัฐบาล
ต่อมา นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยว่า บอกว่าก้าวไกลเซาะบ่อนทำลาย ชี้หน้าว่าไม่จงรักภักดี แต่พรรคการเมืองไหนไม่ให้ นายพิธา เป็นนายกฯ ใช้กฎหมาย 112 มายุบพรรค ใครกันแน่ที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย พร้อมถามมวลชนว่าจะยุบศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
“ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้าย ภูมิใจมากที่ได้ทำหน้าที่นี้ และได้ทำหน้าที่กับเพื่อนๆ ไม่เคยเสียใจและเสียดาย เราไม่ได้ทำอะไรผิด และขอบคุณพลังเสียงที่สนับสนุนพวกเราที่มากขึ้นมากขึ้น วันนี้เขายุบก้าวไกลได้ แต่จะยุบก้าวไกลในหัวใจเราไม่ได้ คุณจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงได้ พลังเก่ากำลังตาย พลังใหม่กำลังเกิด สุดท้ายอนาคตจะเป็นของเรา แม้วันนี้เขาจะยุบพรรคของเรา ขอให้เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงให้มากกว่าปี 2566 เพื่อให้เขาไม่สามารถปฏิเสธประชาชนได้ ขอให้เดินหน้าไปด้วยกัน ผมวันนี้ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแล้วจะเดินหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน จะเดินหน้าต่อไป” นายชัยธวัช กล่าว
จากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กล่าวปราศรัยปิดท้าย บอกว่า เป็นเกียรติสูงสุดที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชน และได้ทำงานกับเพื่อนอนาคตใหม่จนถึงก้าวไกล จะเป็นความรู้สึกที่จะไม่มีวันลืม “วันนี้ขออำลาพวกท่าน ในฐานะนักการเมือง ในฐานะผู้แทนราษฎร ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย แต่ถ้าพวกท่านยังต้องการ และส่งเสียงดังๆ ผมจะขอกลับมาใหม่ในฐานะประชาชนสู้ไปกับพวกท่าน ถึงแม้ว่าเขาจะตัดสิทธิ์ผมไป แค่เขาตัดใจผมไปจากประชาชนและประเทศไทยไม่ได้” จากนั้น นายพิธา ได้หลั่งน้ำตา ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ส่งเสียงเรียกว่านายกฯ
โดย นายพิธา ระบุว่า “เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ”
นายพิธา ยังกล่าวต่อว่า เชื่อว่าเพื่อนที่สู้มาตั้งแต่อนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ว่าจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ ยังจำได้ไหมในวันที่ที่เราชนะ ในเกมที่ถูกดีไซน์มาให้เราแพ้ เป็นเพราะทุกคนเชื่อว่าตนเองมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ ขอให้จำวันนั้นไว้ ถึงจะไม่มีตนเองในทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา แต่หากประชาชนเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน
“เขายุบพรรค ยุบสี ยุบโลโก้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขายุบความหลังของเราได้สำเร็จเมื่อไหร่ เท่ากับเรายกประเทศไทยใส่พานเงิน มอบให้เขาทันที เราจะยอมเขาหรือไม่ วันนี้เศร้า โกรธ แค้น เสียใจ ได้แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้เราเดินหน้าต่อไปเพื่อรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า ทุกสิ่งที่ตนเองทำ มอบให้พี่น้องประชาชนไปหมดแล้ว แต่ขอห้ามชาชินกับระบอบแบบนี้โดยเด็ดขาด ระบอบที่คนทำรัฐประหารได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี แต่คนที่ประชาชนเลือกมาถูกแบนไม่ให้เล่นการเมือง ขอประชาชนอย่าชิน อย่าชา อย่ายอมโดยเด็ดขาด หากเราชนะขนาดนี้แล้วเขาไม่ยอม คราวหน้าจะขอชนะจนกว่าเขาจะยอม ปี 2570 ขออย่างน้อยที่สุด 270 ที่นั่ง จะให้ดีขอไปให้ถึง 300 เสียง เมื่อเรามีพลังขอให้ประชาชนยื่นกฎหมายเพื่อไม่ให้มีการยุบพรรค และทำรัฐประหารในเมืองไทยต่อไป เพื่อบอกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และจบการปราศรัยในเวลา 21.50 น.
ทั้งนี้ตลอดการปราศรัยมีอดีต สส.พรรคก้าวไกล และอดีต สส.พรรคอนาคตใหม่ พลัดกันขึ้นเวที อาทิ นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม, นายเซีย จำปาทอง และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ โดยเนื้อหาการปราศรัยส่วนใหญ่เป็นการปลุกใจมวลชนให้ตามไปสมัครสมาชิกพรรคในอนาคตต่อ และขอให้เลือกคนในพรรคก้าวไกลต่อไป
ทั้งนี้ยังมี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม ในฐานะอดีต สส.พรรคก้าวไกล มาขึ้นเวทีปราศรัยในครั้งนี้ด้วย โดยระบุว่า คนอย่างพรรคก้าวไกล เป็นใหญ่แล้วไม่ลืมตัว มีการปรามาสว่าตอนได้ตำแหน่งรองประธานรัฐสภา เป็นเณรบวชใหม่ ตนเองก็ได้ทำผลงานให้เห็นแล้ว “ผมพิสูจน์มาแล้ว พรรคการเมืองจะเก่าแก่แค่ไหน จะอยู่ป่ามาแล้วยังไง นักการเมืองสันดานเดียวกัน ขอรอบหน้าเลือกพวกเรา”.