ก้าวไกลไม่รอด ศาล รธน.มติเอกฉันท์ 9-0 สั่งยุบพรรค ตัดสิทธิ์ กก.บห.พรรค 2 ชุด 10 ปี ตีตกทุกข้อโต้แย้ง ชี้ความผิด สำเร็จการล้มล้างฯเกิดขึ้นแล้ว ซัดใช้ สส.กระทำผิดยุยงแก้ ม.112 ใช้ประโยชน์จากสถาบันหวังผลชนะเลือกตั้ง เจตนา เซาะกร่อนบ่อนทำลาย มุ่งหมายให้สถาบันฯเป็นคู่ขัดแย้งประชาชน เปิดชื่อ 11 กก.บห.ถูกตัดสิทธิ์ “พิธา” ให้เอาความโกรธไประเบิดในคูหา มีหลักฐานดูด-ฉะการเมืองสกปรก “ชัยธวัช” สั่งลากลางสภาฯ ย้ำ ปชต.ที่แท้จริงอำนาจเป็นของประชาชน ชูกำปั้น “แล้วผมจะกลับมาใหม่” “ไหม” แย้ม 9 ส.ค. ได้ฤกษ์ไปบ้านหลังใหม่ อุบไต๋ผู้นำคนใหม่ “หมออ๋อง” ทิ้งทวน สั่งปิดประชุม ด้อมส้มแห่ร่วมลุ้นจนแน่นพรรคไม่สะดุ้ง “ยักไหล่แล้วไปต่อ” หอการค้าฟันธงไม่กระทบ ศก. สื่อนอกมองเสียหายวงจำกัด “เศรษฐา” เชื่อค่ายส้มก้าวต่อได้ เพื่อไทยไม่ปิดกั้นงูเห่า “หนู” ขออย่ามโน

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่งยุบพรรค ก้าวไกล หลังถูกร้องมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีชูนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 2 ชุด เป็นเวลา 10 ปี

ดีเดย์ชี้ชะตายุบพรรคก้าวไกล

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่อาคารราชบุรี ดิเรกฤทธิ์ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และเพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหาร พรรค (กก.บห.) และห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่ง กก.บห. และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็น กก.บห.พรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำ การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำ การอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชา ธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

...

“ด้อมส้ม” ปักหลักรอให้กำลังใจ

ขณะที่บรรยากาศโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุม พบว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางมารอให้กำลังใจ มีการชูป้ายข้อความ “คัดค้านการยุบพรรคก้าวไกล” “เป็นกำลังใจให้พรรค ก้าวไกล” ขณะที่บางคนเตรียมช่อดอกไม้สีส้มมารอ มอบให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เข้ามาแจ้งเตือนว่าไม่สามารถกระทำในลักษณะดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมตามประกาศของศาลรัฐธรรมนูญ

“พิธา” ยิ้มแย้มยืนยันกำลังใจดี

ต่อมาเวลา 14.15 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมทีมกฎหมายพรรค ก.ก. เดินทางมาฟังคำวินิจฉัย นายพิธาลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กล่าวย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า กำลังใจดีมาก สบายดี ไม่หนักใจ ฝากถึง แฟนคลับที่ไปรอที่พรรคว่าขอบคุณมาก ทั้งนี้ เกิดความ ชุลมุนวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศพยายามขอบันทึกภาพ แต่ด้วยจำนวนสื่อมวลชนโดยเฉพาะช่างภาพนิ่งที่มีมาก ทำให้หวิด ปะทะกันจนตำรวจศาลต้องเข้ามาตรึงกำลัง และพานายพิธาเข้าด้านใน ใช้เวลากว่า 10 นาที กว่าจะเข้า มาได้ ขณะที่นายพิธาบอกกับผู้สื่อข่าวให้ระวังตลอดเวลา ท่ามกลางกองเชียร์คอยตะโกนให้กำลังใจ

ตุลาการฯเริ่มอ่านคำวินิจฉัย

กระทั่งเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันยื่นเสนอแก้ไขประมวล กฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นประมาท เกี่ยวกับมาตรา 112 เสนอให้เพิ่มบทมาตรามีเหตุยกเว้นความผิด เหตุยกเว้นโทษ ให้ความผิดตามมาตรา 112 ยอมความได้ ให้สำนักพระราชวังร้องทุกข์ ให้เสียหาย หน่วยงานเดียวและใช้หาเสียงเลือกตั้ง 2566 มีพฤติการณ์รณรงค์ทางการเมืองจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 มี กก.บห.สส.สมาชิกพรรค เป็นนายประกันจำเลย หรือ ผู้ต้องหาที่ผิดมาตรา 112 จัดกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์หลายครั้ง อันเข้าข่ายผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพื่อไม่ให้ยกเลิกรวมถึงการแก้ไขมาตรา 112 ด้วยวิธีการที่มิใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ผู้ร้อง (กกต.) จึงมีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีมีหลักฐานควรเชื่อได้ว่ากระทำการผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92

ย้ำศาล รธน.มีอำนาจสั่งยุบพรรค

ส่วนประเด็นที่พรรคก้าวไกลโต้แย้งว่าศาล รัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 49 ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองให้เลิกกระทำการดังกล่าว ไม่ได้บัญญัติให้ศาล รัฐธรรมนูญมีอำนาจยุบพรรคโดยตรง เช่น รัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาตรา 63 วรรคสาม หรือรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 วรรคสาม แต่เจตนารมณ์คุ้มครองปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ย่อมรับรองสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้ หากมีข้อเท็จจริง คน หรือพรรค ใช้เสรีภาพล้มล้างการ ปกครอง จากบทมาตราดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เช่น พ.ร.ป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 กำหนดให้ อยู่ในเขตอำนาจศาล และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคำร้องไว้ พิจารณาวินิจฉัยคดี และสั่งยุบพรรคการเมืองได้ข้อโต้แย้งพรรคก้าวไกลฟังไม่ขึ้น

ตีตกข้อโต้แย้ง กกต.รวบรัดคดี

ประเด็นที่พรรค ก.ก.โต้แย้งว่า กกต.ยื่นคำร้องโดยไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 93 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรค การเมือง ข้อ 7 ทำให้ ก.ก.ไม่มีโอกาสทราบข้อเท็จจริงเพียงพอ ไม่มีโอกาสโต้แย้งพยานหลักฐาน การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เกิดได้ 2 กรณี คือ 1.กรณี กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ ว่า และ 2.กรณีเมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่าพรรคใดกระทำตามมาตรา 93 ต้องรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพื่อเสนอต่อ กกต. หาก กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ กกต.ย่อมมีอำนาจยื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ในทางตรงข้ามหากเพียงความ ปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง นายทะเบียนต้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาของ กกต. ว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ก่อนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ คดีนี้ผู้ร้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำอันเป็นเหตุยุบพรรคผู้ถูกร้อง โดยอาศัยข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 เป็นพยานหลักฐานที่ไม่อาจรับฟังเป็นอย่างอื่นใด

ข้อเท็จจริงเดียวกับคดีที่ 3/2567

“แม้การดำเนินการของ กกต.ในคดีนี้ แรกเริ่ม เป็นกรณีที่มีความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรค การเมือง ต้องดำเนินการตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 93 และระเบียบ กกต. ข้อ 5 ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองดำเนินตามกระบวนการดังกล่าว แต่เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มีข้อเท็จจริงเป็นมูลกรณีเดียวกัน และเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ กกต.เห็นว่าไม่อาจโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ จึงทำให้ เชื่อได้ว่าก้าวไกลกระทำการอันเป็นเหตุควรเชื่อได้ว่า จึงยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค กกต.จึงยื่นร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการตามมาตรา 92 เหตุดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กกต. ยุติรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินการตามมาตรา 93 จึงยุติลง กกต.ไม่ต้องย้อนกระบวนการเพื่อให้นายทะเบียน รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานก่อน”

ก.ก.มีโอกาสโต้แย้งในคดีก่อนแล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยอีกว่า ขั้นตอนดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่า กระบวนการยื่นคำร้อง ตามมาตรา 92 และ 93 เป็นคนละส่วนกัน แม้คดีนี้ กกต.ยื่นคำร้องโดยไม่ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและพยาน หลักฐาน และไม่ได้ให้โอกาสก้าวไกลโต้แย้งอย่าง เพียงพอก็ตาม แต่ในเมื่อคดีนี้ และคดีตามคำวินิจฉัยที่ 3/2567 เป็นคดีมีมูลกรณี และผู้ถูกร้องบุคคลเดียวกัน การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาตามคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ไต่สวนพยานหลักฐานต่อก้าวไกล และทราบ ข้อเท็จจริง คัดค้านพยานในสำนวนทั้งหมด และได้โต้แย้งพยานหลักฐานตัวเองเต็มที่ต่อหน้าศาลแล้ว ถือว่าไต่สวนคดีของศาลรัฐธรรมนูญ มีมาตรฐานยิ่งไปกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงของ กกต. ข้อโต้แย้ง ของก้าวไกลจึงไม่อาจรับฟังได้

ความผิดสำเร็จการล้มล้างเกิดขึ้น

ส่วนข้อโต้แย้งว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งก้าวไกลเลิกกระทำ จึงได้นำนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ออกจากเว็บไซต์ และในคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ใช้มาตรฐานชัดเจนและน่าเชื่อถือ คดีนี้จึงต้องใช้มาตรฐานตามคดีอาญา ไม่อาจใช้คำวินิจฉัยที่ 3/2567 มาผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องไต่สวนพยานใหม่หมดนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 49 บัญญัติป้องกันไม่ให้บุคคลใดใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง เป็นผลเสียหายร้ายแรงคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าเกิดขึ้นหากการกระทำดำเนินการอยู่ ข้อเท็จจริงในการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49 เกิดขึ้นแล้ว การกระทำนั้นจะผิดสำเร็จทันที ไม่ต้องรอให้มีผลการกระทำเกิดขึ้นก่อน เมื่อพิจารณาคำวินิจฉัยที่ 3/2567 ก้าวไกลมีส่วนร่วมหลายพฤติการณ์ต่อเนื่องเป็นขบวนการ เสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 ที่มีเนื้อหาลดทอนคุณค่าสถาบันฯ ใช้เป็นนโยบายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จัดกิจกรรมทางการเมือง รณรงค์ผ่านสื่อ หากปล่อยให้ดำเนินการย่อมไม่ไกลเกิดเหตุในการล้มล้างการปกครอง การกระทำของก้าวไกลจึงใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครอง เป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา 49 แล้ว

ซัดใช้ สส.กระทำผิดยุยงแก้ 112

ที่ก้าวไกลอ้างว่าเป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง การกระทำการใดๆต้องดำเนินการตาม กก.บห. ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าก้าวไกลเป็นพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ข้อเท็จจริง 3/2567 ฟังเป็นยุติแล้วว่าการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ลดทอนคุณค่าสถาบันฯ ดำเนินการโดย สส.ก้าวไกลเพียงพรรคเดียว โดยเฉพาะเสนอนโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ต่อ กกต. เพื่อใช้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แม้การกระทำนี้ไม่ผ่าน กก.บห. แต่ กก.บห.ต้องควบคุมมิให้สมาชิกกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เช่นนี้กระทำการมุ่งหวังผลักดัน ถือเป็นการกระทำผิดโดยอ้อม โดยใช้สส.เป็นตัวแทน หรือเป็นเครื่องมือกระทำผิด และผู้ถูกร้องตกลงร่วม และแสดงบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง รณรงค์ปลุกเร้า ปลุกปั่นให้สังคมเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 อาจก่อให้เกิดความขุ่นเคืองต่อประชาชน และยุยงให้เกิดความเกลียดชัง ส่งผลให้หลักการดำรงอยู่ของระบอบการปกครอง และอัตลักษณ์ต้องถูกล้มเลิก หรือยกเลิกไป ข้อโต้แย้งของก้าวไกลจึงไม่อาจรับฟังได้

ตีตราล้มล้างปฏิปักษ์การปกครอง

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว ว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อการล้มล้างฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 โดยรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่ บัญญัติว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาดผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมต้องผูกพันศาลรัฐธรรมนูญ ในการพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ด้วย และเห็นว่าการกระทำอันล้มล้างการปกครองย่อมร้ายแรงกว่าการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง เมื่อข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยที่ 3/2567 รับฟังได้ว่าก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ย่อมเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯด้วย ใช้เป็นนโยบายพรรคหาเสียงเลือกตั้ง โดยใช้ประโยชน์จากสถาบันฯ หวังผลคะแนนเสียงชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันฯอยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ก้าวไกลมีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลาย ทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยในที่สุด การกระทำเข้าลักษณะอันอาจปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองฯ

เจตนาให้สถาบันขัดแย้งประชาชน

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าพรรคก้าวไกล และสส.ก้าวไกล ร่วมกันเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีเนื้อหาลดทอนคุณค่าสถาบันฯ ใช้เป็นนโยบายพรรค มี กก.บห. สส. และสมาชิกพรรค ก.ก.เป็นนายประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยในความผิดมาตรา 112 หรือตกเป็นจำเลยหรือผู้ต้องหาเสียเอง และยังเคยแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 หลายครั้ง มีเจตนามุ่งหมายแยกสถาบันฯกับความเป็นชาติไทยออกจากกัน เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ ลดทอนสถานะความคุ้มครองสถาบันฯ ใช้ประโยชน์สถาบันฯหวังผลคะแนนเสียงชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันฯเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน ทำให้สถาบันฯถูกโจมตี ติเตียน ทำร้ายจิตใจชาวไทยที่เคารพเทิดทูนสถาบันฯ ทรงเป็นประมุข ศูนย์รวมความเป็นชาติ และนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ เป็นไปตามคำวินิจฉัยที่ 3/2567 จึงเป็นเด็ดขาด และมีผลผูกพันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่

ต้องสั่งยุบพรรคมิอาจหลีกเลี่ยง

ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องสั่งยุบพรรค ก.ก.ตามที่กฎหมายบัญญัติโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แม้นักวิชาการสาขาต่างๆ นักการเมือง หรือนักการทูตต่างประเทศ ต่างมีรัฐธรรมนูญภายในประเทศ ข้อกฎหมายแตกต่างกันไปตามบริบทแต่ละประเทศ การแสดงความเห็นใดๆ ย่อมต้องมีมารยาททางการทูต และทางการต่างประเทศที่ต้องกระทำต่อกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลกระทำการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (1) (2) อันเป็นเหตุให้ยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 92 วรรคสอง

ตัดสิทธิกรรมการบริหาร 10 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อว่า ส่วน กก.บห.จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อก้าวไกลกระทำการอันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรค ชอบที่ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งระหว่าง 25 มี.ค.2564 ถึง 31 ม.ค.2567 เป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคสอง มีระยะเวลากำหนด 10 ปี สอดคล้องกับระยะเวลาตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 94 (2) รวมถึงห้ามให้ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ภายใน 10 ปี

เปิดชื่อ 11 กก.บห.ที่ถูกตัดสิทธิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มี.ค.2564 ถึง 31 ม.ค.2567 ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งสิ้น 11 คน ได้แก่ 1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค สส.บัญชีรายชื่อ 2.นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตเลขาธิการพรรค สส.บัญชีรายชื่อ 3.น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ อดีตเหรัญญิกพรรค 4.ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล อดีตนายทะเบียนสมาชิกพรรค 5.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคเหนือ 6.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร อดีตกก.บห.พรรค สัดส่วนภาคใต้ 7.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคกลาง 8.นายอภิชาต ศิริสุนทร อดีต กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สส.บัญชีรายชื่อ 9.น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคตะวันออก สส.บัญชีรายชื่อ 10.นายสุเทพ อู่อ้น อดีต กก.บห.พรรค สัดส่วนปีกแรงงาน สส.บัญชีรายชื่อ 11.นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ อดีต กก.บห.พรรค สัดส่วนภาคเหนือ เป็น สส.ปัจจุบันทั้งหมด 5 คน ได้แก่ นายพิธา นายชัยธวัช นายอภิชาต น.ส.เบญจา และนายสุเทพ ทำให้ขณะนี้พรรคก้าวไกลเหลือ สส.รวม 143 คน

“ทิม” ไม่เครียดนอนครบ 8 ชั่วโมง

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง ไม่เครียดอะไรนอนครบ 8 ชั่วโมงเต็ม เมื่อถามว่า มีการวางแผนงานไว้อย่างไรบ้างหลังจากนี้ นายพิธาตอบว่า ไม่มี แผนงานทุกอย่างเป็นไปตามปกติ หากวันที่ 8 ส.ค.ยังได้เข้ามาร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านอาจตั้งกระทู้ถามนายกฯในโอกาสครบรอบ 1 ปีในการทำงาน คงมีอะไรที่อยากเสนอแนะรัฐบาลบ้าง ส่วนตนยังทำงานตามปกติ แต่หากคำตัดสินออกมาไม่เป็นคุณ เรายังมีแผนงานอยู่ดี ยังคงทำงานการเมืองได้ แต่ยังยืนยันมั่นใจในแนวทางการต่อสู้ มั่นใจในข้อเท็จจริง มั่นใจในข้อกฎหมาย คิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมในบ่ายวันนี้ ไม่มีความกังวลอะไร

มีหลักฐานดูด-ฉะการเมืองสกปรก

ผู้สื่อข่าวถามถึงบรรยากาศการประชุม สส. เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายพิธาตอบว่า เป็นอย่างที่ภาพเล่าเรื่อง ยังมีความเป็นเอกภาพ ความสมัครสมานสามัคคี ไม่กังวลแต่ก็ไม่ประมาท อย่างไรก็ตามพรรคก็ยังไปต่อได้ เมื่อถามถึงกระแสข่าวการซื้องูเห่าพรรคก้าวไกล นายพิธาตอบว่า มีโอกาสเห็นหลักฐานบ้างแล้ว บางคนมาเป็นจำนวนเงิน บางคนมาเป็นตำแหน่ง อาจเป็นรองหัวหน้าพรรค มี สส.เอามาให้ดู บอกให้มั่นใจว่ายินดีเดินทางต่อไปกับพรรคก้าวไกล เงินหรือตำแหน่งซื้อเขาไม่ได้ มันคือความไว้วางใจที่ประชาชนเลือกมาจะไม่เอาไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน ทำให้รู้สึกเบาใจ เป็นการบอกให้ประชาชนได้รู้ว่ามีการเมืองใต้เข็มขัด มีการเมืองสกปรกอยู่จริง

มั่นใจอุดมการณ์ สส.ไม่แตกแถว

เมื่อถามว่าเขาอาจรู้หรือไม่ว่าอนาคตการเมืองของพรรคเป็นเช่นไรจึงมาซื้อตัว สส.แบบนี้ นายพิธาตอบว่า คิดว่าเขาทำไปเพื่อจะสร้างให้อนาคตเป็นแบบนั้น แต่หากเราไม่ยอมอนาคตก็จะเป็นไปตามที่เราอยากให้เป็น เชื่อว่าการยึดให้ สส.ไม่เป็นงูเห่าไม่ได้มีแค่อุดมการณ์ แต่คือนโยบายของเรา คือความเชื่อใจของประชาชน เชื่อมั่นในตัว สส.ทุกคน เชื่อว่าด้วยการที่เราย้ำแล้วย้ำอีก ทำให้เชื่อใจได้เสมอว่าเรามาเล่นการเมืองเพราะอะไร เมื่อถามถึงเรื่องพรรคสำรองที่มีกระแสข่าวว่าเป็นพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล นายพิธาตอบว่า ยังไม่ถึงเวลา รอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก่อน มีข้อเท็จจริงว่ามีหนึ่งพรรคที่รอด คือพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่คล้ายกับข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล เพราะ กกต.ไม่ทำตามระเบียบ และเชื่อว่าจะไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์พรรคอนาคตใหม่

“ชัยธวัช” สั่งลากลางที่ประชุมสภาฯ

ต่อมาเวลา 15.50 น. ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก เสนอโดยนายสุเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ เป็นช่วงเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้าน ขอลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ กก.บห.พรรค ขอแจ้งกับประธานที่ประชุมว่า ตนและ กก.บห.พรรค คือนายอภิชาติ ศิริสุนทร น.ส.เบญจา แสงจันทร์ นายสุเทพ อู่อ้น และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องขอบคุณประธาน เพื่อน สส.ทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกัน ถือว่าเป็นเกียรติยิ่งที่เราได้ใช้ช่วงเวลาในฐานะผู้แทนราษฎร ทำงานเต็มที่เพื่อผลักดันสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอนาคตของประเทศ

ปชต.แท้จริงอำนาจเป็นของ ปชช.

“พวกผมคงไม่มีโอกาสร่วมทำงานกับทุกท่าน อย่างน้อยก็ 5 ปี 10 ปี แต่หวังว่าหลังจากนี้ เพื่อน สส.จะสามารถใช้อำนาจหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะที่ประชาชนเลือกเข้ามา เป็นสถาบันทางการเมืองเดียวในประเทศที่ถูกแต่งตั้งโดยประชาชนอย่างคุ้มค่า และทำให้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของพวกเรา เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” นายชัยธวัชกล่าวเสียงสั่น

“หมออ๋อง” ทิ้งทวนสั่งปิดประชุม

ขณะที่นายปดิพัทธ์กล่าวว่า มีชื่ออยู่ใน กก.บห.พรรคก้าวไกลในปี 2566 ด้วย ดังนั้น สภาพการเป็น สส.ถือว่าสิ้นสุดเช่นกัน สุดท้ายแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณทุกคน รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานร่วมกัน และอยากบอกกับข้าราชการสภาฯทุกคนว่าเคารพและขอบคุณจริงๆ สุดท้ายอยากบอกว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน จากนั้นนายปดิพัทธ์ได้ลุกขึ้นพร้อมสั่งปิดการประชุมในเวลา 15.55 น. ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ที่นั่งอยู่ข้างนายปดิพัทธ์ลุกขึ้นโค้งคำนับซึ่งนายปดิพัทธ์โค้งคำนับตอบ โดยมีบรรดา สส.ของพรรคก้าวไกลบางส่วนที่จับกลุ่มกันอยู่ในห้องประชุมพากันปรบมือให้กำลังใจ

ชูกำปั้นลั่น “แล้วผมจะกลับมาใหม่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ปิดประชุม สส.พรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งได้ร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในมุมที่นั่งประจำของพรรคในห้องประชุม มี สส.หญิง อาทิ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ถึงกับหลั่งน้ำตา ด้านนายปดิพัทธ์เดินลงจากบัลลังก์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมายังกลุ่มเพื่อน สส.ก้าวไกล มีนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปฝ่ายค้าน เดินเข้าไปสวมกอดพร้อมตบหลังให้กำลังใจ ก่อนจะรวมตัวกับเพื่อน สส. อาทิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. ถ่ายรูปร่วมกัน และหันมาทางสื่อมวลชนชูกำปั้นขวา แสดงสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ทางการเมืองต่อไป ทั้งนี้ ก่อนที่นายชัยธวัชจะนำ สส.ก้าวไกลออกจากรัฐสภาไปสมทบกันที่พรรค ได้หันกลับมาชูกำปั้นแล้วพูดว่า “แล้วผมจะกลับมาใหม่”

มวลชนมารอให้กำลังใจตั้งแต่เช้า

สำหรับบรรยากาศที่พรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. มีเจ้าหน้าที่พรรคมาจัดสถานที่รองรับประชาชนที่จะมาร่วมรับฟังการถ่ายทอดสดศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล ที่บริเวณหน้าอาคารมีการติดป้ายไวนิลว่า “ก้าวไกลไปต่อ!” และตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณลานจอดรถ ท่ามกลางประชาชนที่สวมเสื้อสัญลักษณ์พรรคก้าวไกลทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมต่อเนื่อง มีการเปิดให้เขียนข้อความลงบนผืนผ้าสีส้มให้กำลังใจ เช่น “เป็นกำลังใจให้ก้าวไกล” “ไม่ยุบ ไปต่อ” เป็นต้น ส่วนพื้นที่ฝั่งลานจอดรถตรงข้ามที่ทำการพรรคก้าวไกล มีการจัดตั้งเวทีและจอถ่ายทอดสดขนาดใหญ่ พร้อมแขวนเสื้อลวดลายต่างๆของพรรคตั้งแต่รุ่นเก่าจนถึงรุ่นใหม่ สะท้อนแนวคิดพัฒนาการอุดมการณ์ทางการเมือง และผู้ที่มาร่วมกิจกรรม วันนี้สามารถหยิบนำกลับบ้านเป็นที่ระลึกได้ ภายในงานนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ได้นำขนมจีนน้ำยาปลาหมอคางดำมาแจกมวลชนด้วย ขณะที่กองทัพสื่อมวลชนเเจ้งลงทะเบียนมาทำข่าวกว่า 300 คน

“ปิยบุตร” ลุ้นต่อลุยแก้มาตรา 112

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ดู สส.ก้าวไกลกำลังใจดีอยู่ ตลอด 2 ทศวรรษประเทศไทยมีการยุบพรรคหลายครั้ง มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ เป็นธรรมดาที่ประชาชนจะประเมินเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เมื่อถามว่าหากคำวินิจฉัยออกมาด้านลบ ผู้นำคนต่อไปของพรรคควรเป็นแบบไหน นายปิยบุตรตอบว่า กลุ่มความคิดแบบอนาคตใหม่และก้าวไกล สถาปนาเป็นพวกความคิดใหม่ทางการเมืองแล้ว ดังนั้นคนที่รับบทบาทต่อไปทั้งในวันนี้และวันหน้าต้องยึดตามแนวทางพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลต่อไป ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องแกนนำพรรคหรือ สส.ไม่กี่คน แต่เป็นความคาดหวังของประชาชน ไม่ว่าวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น แกนนำพรรคและพี่น้องในพรรคก้าวไกล อาสานำพาความหวังของประชาชนให้สำเร็จ ส่วนตัวมองว่ามาตรา 112 ควรปรับปรุงแก้ไข ยังยืนยันเสมอการรักษาสถาบันดำรงอยู่ในระบบประชาธิปไตยอย่างมั่นคงและยั่งยืน ให้สมเกียรติยศ จำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112

กองเชียร์ไม่พอใจหลังรู้ผลยุบพรรค

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัย บรรดากองเชียร์ชาวสีส้มต่างจับกลุ่มร่วมฟังกันอย่างใจจด ใจจ่อ ตามจุดที่พรรคนำโทรทัศน์มาติดตั้งให้ประชาชนได้ฟังคำวินิจฉัย ขณะที่กลุ่มกองเชียร์พากันตะโกนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจอยู่เป็นระยะๆ เมื่อคำวินิจฉัยช่วงใดออกมาเป็นผลลบต่อพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิทางการเมือง กก.บห.พรรครวม 11 คน เป็นเวลา 10 ปี ทำให้กองเชียร์ต่างแสดงความผิดหวัง พากันโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ บางคนร่ำไห้ด้วยความอัดอั้น ก่อนพากันเดินออกจากตัวอาคารไปรวมตัวกันที่หน้าเวทีปราศรัย บริเวณลานจอดรถ เพื่อรอแกนนำพรรคมาขึ้นเวทีปราศัยช่วงหัวค่ำ

ไม่สะดุ้งถูกยุบ “ยักไหล่แล้วไปต่อ”

จากนั้นเวลา 17.15 น. บรรดาแกนนำพรรคและ สส.ทยอยเดินทางเข้าพรรค อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน เพื่อร่วมแถลงข่าวและขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มแฟนคลับในช่วงหัวค่ำ มีกลุ่มกองเชียร์ปักหลักรอต้อนรับพร้อมตะโกนให้กำลังใจ “พิธาสู้ๆ” ดังสนั่น และยังมีทยอยเข้ามาเพิ่มเติม สมทบกับแฟนคลับกลุ่มเดิมที่ปักหลักรออยู่ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเดินทางกลับ ทำให้บริเวณตัวอาคารและลานจอดรถเนืองแน่นไปด้วยกองเชียร์พรรคก้าวไกล ที่ใส่เสื้อสัญลักษณ์สีส้มละลานตา ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ไม่ยี่หระต่อการถูกยุบพรรค ภายใต้สโลแกน “ยักไหล่แล้วไปต่อ”

ห่วงคำวินิจฉัยทำ ปชต.กลายพันธุ์

จนถึงเวลา 18.10 น. นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวท่ามกลาง สส.ก้าวไกลทั้งพรรคที่ยืนรายล้อมว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเห็นว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง แต่พวกเราขอยืนยันข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายว่าไม่ได้กระทำผิดล้มล้างการปกครอง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง พวกเราเห็นว่าสิ่งที่ได้รับผลกระทบและสำคัญกว่าการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล และสิทธิทางการเมืองของ กก.บห.พรรค คือคำวินิจฉัยวันนี้ส่งผลอย่างสำคัญ เป็นการวางบรรทัดฐานในการตีความรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่อันตราย สุ่มเสี่ยงกระทบต่อหลักการสำคัญ และคุณค่าพื้นฐานที่ควรเป็นของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในอนาคต สุ่มเสี่ยงทำให้ระยะยาว ระบอบประชาธิปไตยฯกลายพันธุ์เป็นระบอบอื่นได้

เดินหน้าใช้กลไกสภาแก้ ม.112

นายชัยธวัชกล่าวว่า การเมืองไทยเป็นเรื่องความเสี่ยงที่เจอได้ ทั้งยุบพรรค คดีความ ติดคุก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่หันหลังกลับ บทบาทไหนก็ทำงานได้ มีเวลาว่างเยอะ จะไปช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อมที่ จ.พิษณุโลกอย่างเต็มที่ และจะไปสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่นที่พรรคใหม่จะส่งคนลงสมัคร ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าแก้ไขไม่ได้ แต่จำกัดการแก้ไขเนื้อหาบางอย่าง เราเห็นว่าการบังคับใช้มาตรา 112 มีปัญหาควรแก้ไข โดยใช้กลไกสภาหาทางออก

เอาความโกรธไประเบิดในคูหา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แม้ต้องอำลาในฐานะนักการเมือง แต่จะเริ่มต้นทำการเมืองในฐานะพลเมือง ไม่ทิ้งประชาชนตราบใดที่ประชาชนไม่ทิ้งตน ทำทุกวิถีทางให้บ้านเมืองดีขึ้น ช่วยพาหนะใหม่ของเพื่อนๆ อดีตพรรคก้าวไกล ตามที่กฎหมายอนุญาต และจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ไทยเคยมีมา เข้าใจดีประชาชนผิดหวัง โกรธ แค้น หรือมีน้ำตา ไม่ว่ากัน วันนี้มาเศร้าเสียใจโมโหเต็มที่ แต่พรุ่งนี้จะก้าวข้ามมันไป ไม่ปล่อยให้กัดกินพวกเรา จะผลักมันและระเบิดในคูหาทุกการเลือกตั้งต่อจากนี้ไป นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต กก.บห.พรรคที่ไม่ได้ไปต่อ ต้องเลือกตั้งซ่อมสส.พิษณุโลก สามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ รวมถึงนายก อบจ.ราชบุรี เป็น 2 จังหวัดแรกที่ประชาชนจะใช้พลังที่ถูกกัดกร่อนหัวใจ ไประเบิดพลังในคูหา รวมถึงการเลือกตั้งปี 2570 เมื่อถามว่าหากครบ 10 ปีแล้วจะกลับมาเล่นการเมืองใหม่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่ได้ไปไหน เสาร์ อาทิตย์นี้เจอกันที่ จ.ราชบุรี แม้เป็นนักการเมืองไม่ได้ แต่เป็นคนพัฒนาการเมืองต่อไปได้

9 ส.ค.ได้ฤกษ์ไปบ้านหลังใหม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องรับคำวินิจฉัยยุบพรรคเป็นครั้งที่ 2 จากศาลรัฐธรรมนูญ รับรู้ถึงความไม่ป็นธรรมร่วมกับทุกคนว่ามีความเจ็บปวดเกิดขึ้น แต่จะไม่ละทิ้งความฝัน ตราบใดที่ประชาชนอยู่เคียงข้างเราจะทำภารกิจเปลี่ยนประเทศนี้ต่อ เดินหน้าต่อไป วันที่ 9 ส.ค.นี้ จะย้ายไปที่บ้านใหม่ด้วยกัน ในวันที่เราถูกยุบเป็นวันที่สมาชิกพรรคก้าวไกลครบ 1 แสนคนพอดี อยากให้สมาชิกเดิมก้าวไปกับเราด้วย ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการขับเคลื่อนพรรคใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตอบว่า เรื่องอุดมการณ์ยังคงสืบทอดต่อไปในบ้าน หลังใหม่ ส่วนวิธีการขับเคลื่อนพรรคใหม่เป็นเรื่องสภาพแวดล้อม สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ส่วนจะยืดหยุ่นเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่นั้น อดีต สส.ทุกคนเชื่อว่ามาตรานี้มีปัญหา แต่วิธีการคงต้องไปพูดคุยกันให้ละเอียดมากขึ้นเมื่อไปบ้านหลังใหม่ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามแก้ไข

ขออุบไต๋ชื่อหัวหน้าพรรคคนใหม่

เมื่อถามถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ให้รอดูวันที่ 9 ส.ค. เมื่อถามย้ำ ว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ใช่ น.ส.ศิริกัญญาหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ให้รอดูวันที่ 9 ส.ค. จะมีความชัดเจนทั้งเรื่องหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคและวิธีขั้นตอนต่างๆ สเปกหัวหน้าพรรคขึ้นอยู่กับสส. เมื่อถามว่า สส.ของพรรค 100 กว่าคนยังอยู่ร่วมกับพรรคใหม่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ยังไม่ได้เช็กชื่อ เพราะเรามั่นใจมากว่าทุกคนจะไปต่อด้วยกัน ทั้งนี้ ช่วงระหว่างการแถลงข่าวมี สส.หลายคนสะอื้นหลั่งน้ำตา รวมถึงประชาชนที่เข้ามาร่วมฟังการแถลง ก็ร้องไห้แสดงความเสียใจเช่นกัน

“ช่อ” เชื่อมีงูเห่าย้ายรังไม่เยอะ

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ว่า คำวินิจฉัยในวันนี้สั่นคลอนต่อการคงอยู่ในอำนาจของทุกท่าน นั่นคือการตัดสินใจของผู้มีอำนาจในประเทศนี้ สิ่งที่กำลังรอฟังคือคำวินิจฉัยจากประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร โดยเฉพาะคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง มีความฝันแบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ส่วน กก.บห.พรรคที่ถูกตัดสิทธิ หากตัดสินใจอยากทำงานการเมืองต่อ คณะก้าวหน้าเป็นอีกหนึ่งช่องทาง เป็นองคาพยพที่สานต่อภารกิจ การทำงานยังดำเนินต่อไป หลังจากนี้พรรคก้าวไกลต้องเตรียมย้ายไปสู่บ้านหลังใหม่ เมื่อถามว่าคิดว่าจะมี สส.ย้ายไปอยู่พรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรคใหม่ของก้าวไกลหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า หากใครตัดสินใจจะไม่ไปต่อกับพรรคก็ออกไป มีคนใหม่เข้าเสมอ คิดว่าคงไม่มี สส.ก้าวไกลจากไปเยอะ เชื่อว่าทุกคนยืนหยัดในอุดมการณ์เดียวกัน หวังว่าจะเห็นทุกคนเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ

กำลังใจล้นด้อมส้มยักไหล่สู้ต่อ

สำหรับบรรยากาศ ในจังหวัดต่างๆ สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค ก.ก.ได้พากันออกมารวมตัวให้กำลังใจ ทั้งช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยและหลังสั่งยุบพรรค อาทิ จ.เชียงใหม่ นัดกันที่ร้านโซล บาร์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เชียงรายที่ลานหน้าอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ยโสธรที่ สนง.สาขาพรรค นครศรีธรรมราชที่สนามหน้าเมืองขอนแก่นที่ สนง.สาขาพรรค ปราจีนบุรีที่ สนง.สาขาพรรคกบินทร์บุรี อุดรธานีที่โรงแรม 9D Sport Hotel และ จ.บุรีรัมย์รวมตัวที่ร้าน ADAY AWESOME CAFE และมูลนิธิครูทิม บุญอิ้ง อ.ชำนิ เป็นต้น ทั้งนี้หลังทราบผลศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง กก.บห.พรรค ก.ก.11 คนเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ต่างพากันโห่ร้องไม่พอใจ ขณะที่บางคนรับไม่ได้มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่าง นางประดิษฐ์ นครศรี อายุ 56 ปี ชาวบ้านหนองตูม อ.เมืองขอนแก่น นั่งร้องไห้ตลอดเวลาหลังรู้คำตัดสิน แต่ผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ต่างให้กำลังใจและสนับสนุนให้สมาชิกพรรค ก.ก.ตั้งพรรคใหม่ ยืนยันพร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานกับพรรคต่อไป

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

หอการค้าฟันธงไม่กระทบ ศก.

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีพรรค ก.ก.ถูกยุบ กลุ่ม สส.อดีตพรรค ก.ก.ยังสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง กระบวนการทางรัฐสภายังดำเนินการได้ตามปกติ การพิจารณางบประมาณแผ่นดินยังทำได้อย่างต่อเนื่อง และน่าจะยังไม่มีความรุนแรง หรือวุ่นวายจากกรณีการประท้วง หอการค้าฯประเมินว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยน่าจะเดินหน้าได้ตามปกติ จะมีสัญญาณฟื้นตัวได้ในช่วงกลางไตรมาส 4 ถ้าสถานการณ์ปรับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสมและดีขึ้น ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันยังไม่มีเหตุผลในการปรับประมาณการเศรษฐกิจลง เนื่องจากกลไกของภาครัฐเดินหน้าได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สื่อเทศชี้ ก.ก.ยังเสียหายวงจำกัด

วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานว่า นับเป็นความพ่ายแพ้อีกครั้งของพรรค ก.ก.ที่ชนะเลือกตั้งปี 2566 การตัดสินยุบพรรคเป็นไปได้ที่จะสร้างความขุ่นเคืองแก่ผู้สนับสนุนที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนเมืองนับล้านคน แต่ผลกระทบทางการเมืองที่ตามมา ถือเป็นความเสียหายแบบจำกัดวง เนื่องด้วยมีเพียง กก.บห.พรรค 11 คนที่ถูกตัดสิทธิ ขณะที่ สส. 143 คนยังคงรักษาเก้าอี้ไว้ได้ และเชื่อว่าจะถูกจัดสรรให้ไปอยู่พรรคใหม่ เหมือนกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ปี 2563 หาก สส.ทั้ง 143 คนพร้อมใจย้ายไปอยู่พรรคใหม่ ยังคงผลักดันนโยบายต่างๆได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ยังรายงานด้วยว่า คำตัดสินยุบพรรคมีขึ้นท่ามกลางช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เกิดรอยร้าวที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างขั้วอนุรักษนิยมและรัฐบาลประชานิยม พรรค พท.อย่างกรณีที่อดีต 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีที่เคยถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก

กลุ่มนิสิต–นศ.เริ่มขยับค้านยุบ พ.

ด้านปฏิกิริยาของกลุ่มเยาวชนและนักศึกษา อาทิ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่เคย เคลื่อนไหวยกเลิกมาตรา 112 ออกแถลงการณ์คัดค้านคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และนัดชุมนุมไว้อาลัยความยุติธรรม ที่โถงอาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ SC 1 ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ขณะที่คณะก่อการล้านนาใหม่ นัดชุมนุมที่หน้าคณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม นัดจุดเทียนไว้อาลัยแก่กระบวนการอยุติธรรม ที่หมุดคณะราษฎรจำลอง ชั้น 2 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ม.มหาสารคาม ด้านฝ่าย มนุษยธรรมองค์การบริหารนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ SGCU นำโดยนายอภิสิทธิ์ ฉวานนท์ นายกองค์การ บริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ (อบจ.) และ น.ส.ณิชกานต์ รักวงษ์ฤทธิ์ นัดชุมนุมแบบแฟลชม็อบ ที่ลานสกาย วอล์ก สี่แยกปทุมวัน เพื่อแสดงออกแบบสันติร่วมกัน ยืนชู 3 นิ้ว ไว้อาลัยให้กระบวนการยุติธรรม 112 วินาที ก่อนกล่าวคำว่า “สุขสันต์วันรพี” พร้อมกัน 3 ครั้ง

สหรัฐฯกังวลประชาธิปไตยไทย

ช่วงค่ำ สถานทูตสหรัฐฯและสถานกงสุลในประเทศไทย ออกแถลงการณ์โดยนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย ที่สั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองผู้นำพรรค 11 คน การตัดสินนี้ทำให้ชาวไทยกว่า 14 ล้านคนที่ลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล เมื่อเดือน พ.ค.2566 สูญเสียสิทธิทางการเมือง และยังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการมีตัวแทนของพวกเขาในระบบการเลือกตั้งประเทศไทย ยังเป็นอันตรายต่อความก้าวหน้าทางประชาธิปไตยของไทย และขัดแย้งกับความปรารถนาของประชาชนชาวไทยที่ต้องการอนาคตที่เป็นประชาธิปไตยและเข้มแข็ง การมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างครอบคลุมช่วยเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาบันระดับชาติที่เข้มแข็ง สหรัฐอเมริกาไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใดโดยเฉพาะ แต่ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิด และมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและยาวนาน ขอเรียกร้องให้ประเทศไทยดำเนินการเพื่อรับรองการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างครอบคลุม และปกป้องประชาธิปไตยรวมถึงเสรีภาพในการรวมกลุ่มและการแสดงออก

อียูยกอนุสัญญา ICCPR เสรีภาพ สส.

ขณะที่สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการทำให้ระบบการเมืองแบบหลายพรรคในไทยถดถอย พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค.2566 กว่า 14 ล้านเสียง จากทั้งหมด 39 ล้านเสียง ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีพรรคการเมืองและผู้สมัครจากหลากหลายฝ่าย ข้อจำกัดใดๆต่อการใช้เสรีภาพในการรวมตัวและการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกิจกรรมและการจัดตั้งพรรคการเมืองต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติและหลักการที่เกี่ยวข้องของตราสารระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองระหว่างประเทศ หรือ ICCPR เป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรที่มีอำนาจจะต้องรับรองสิทธิว่า สส.ที่ได้รับเลือกมาอย่างถูกต้อง จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาต่อได้ โดยไม่คำนึงว่าตนได้รับเลือกจากพรรคการเมืองใด สหภาพยุโรปพร้อมขยายการมีส่วนร่วมกับประเทศไทยภายใต้ความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือที่ลงนามเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 รวมถึงในประเด็นของความหลากหลายทางประชาธิปไตย เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และสิทธิมนุษยชน

“เศรษฐา” เชื่อค่ายส้มก้าวต่อได้

ช่วงเย็นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรนูญ และเชื่อว่าพรรค ก.ก.คงมีวิธีเดินหน้าทางการเมืองต่อไป เมื่อถามว่า มองกันว่ารัฐบาลจะทำงานง่ายขึ้นเนื่องจากฝ่ายค้านอ่อนกำลังลง นายเศรษฐาตอบว่า ไม่เลย ปัญหาของประชาชนเยอะขนาดนี้มันไม่เกี่ยว ไม่ได้มีผลต่อการทำงานของรัฐบาล ปัญหาไม่ได้หายไปหรือเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าระบบการตรวจสอบรัฐบาลเข้มข้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือองค์กรอิสระตรวจสอบเราพร้อมอยู่แล้ว

เพื่อไทยไม่ปิดกั้นงูเห่าส้ม

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับสมาชิกพรรค ก.ก. โดยเฉพาะคนที่ถูกตัดสิทธิ เราเคยถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง ขอยืนยันว่าไม่ควรยุบพรรคแต่ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย และขอให้กำลังใจพรรค ก.ก. ส่วนกระแสข่าวการวางราคาซื้อตัวงูเห่า 30 ล้านบาทนั้น ยืนยันพรรค พท.ไม่มีแน่นอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. ให้นโยบายไว้ชัดเจน แต่หากใครจะมาด้วยอุดมการณ์เราไม่ปิดกั้น ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ ไม่ขอไปก้าวล่วง

อนุทิน ชาญวีรกูล
อนุทิน ชาญวีรกูล

“หนู” ขออย่ามโน ภท.ช้อน สส.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจพรรค ก.ก. เพราะเป็น สส.เหมือนกัน ส่วนกรณีมีกระแสข่าวพรรค ภท.เตรียมช็อปปิ้ง สส.งูเห่าอย่าเพิ่งไปซ้ำเติม อะไรที่ยังไม่เกิดคือยังไม่เกิด ยังไม่มี เมื่อถามว่าหาก สส.พรรค ก.ก.อยากร่วมสังกัดพรรค ภท.จะปิดประตูหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ตามรัฐธรรมนูญยังมีเวลาอีก 30 วัน เชื่อว่า สส.พรรค ก.ก.คงมีแนวทางอยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆจะให้คนนั้นคนนี้ไปชวนมาด้วยข้อเสนอออปชันต่างๆ ไม่มีแน่นอนรับประกันได้ อย่าเพิ่งไปมโนกัน วันนี้บริบทการเมืองมันเปลี่ยนไป รับรองว่า พรรค ภท. เรานิ่ง

นายกฯปลื้ม สว.ผ่านงบฯดิจิทัล

อีกเรื่อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่วุฒิสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯกลางปี 2567 เพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท ใช้ในโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขอบคุณ สว.ทุกคนที่โหวตให้ วันนี้ต้องเดินหน้า ส่วนไทม์มิ่งดำเนินการต้องรอรายละเอียดจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง หวังว่าจะเป็นไปตามนั้นและพยายามทำให้เร็ว เพราะอยากกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็ว และเข้าใจข้อกังวลว่าหากระบุวันที่แน่ชัดจะเป็นสมการตัวหนึ่งที่สินค้าห้างร้านจะเร่งผลิตเพื่อมารองรับการใช้เงินจึงต้องมีช่วงเวลาในการผลิต

อารมณ์ดีนั่งรถกอล์ฟไปประชุม

ต่อมานายเศรษฐาเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการ สมช. และตัวแทนหน่วยงานเข้าร่วม โดยนายกฯนั่งรถกอล์ฟจากตึกไทยคู่ฟ้า ไปยังตึก สมช. ระหว่างทางทักทายคณะนักเรียนโครงการพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ ที่มาดูงานในทำเนียบฯ อารมณ์ดี กระทั่งเวลา 16.00 น. ไปเยี่ยมชมนิทรรศการ “โครงการหลวง 55” ภายใต้แนวคิด “Love for the Earth สัมผัสทุกไออุ่น คุณความรักจากแผ่นดิน” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-13 ส.ค.ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไปชมการสาธิตวิธีการชงชา นิทรรศการ “72 พรรษา ทศมหาราชา พระมหากรุณาหลั่งไหลสู่แผ่นดิน” ร้านจำหน่ายโครงการส่วนพระองค์ เป็นต้น

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่