สว.อิสระ-พันธุ์ใหม่ประสานเสียง เสนอออกแถลงการณ์คัดค้านยุบพรรคก้าวไกล “อังคณา” ชี้ทั่วโลกจับตามองอยู่ “นันทนา” ชูจุดยืนไม่ให้องค์กรที่ไม่ยึดโยงประชาชน มายุบสถาบันที่มาจากประชาชน “พริษฐ์” จี้ถามรัฐบาลให้ท้าย “คารม” ยังสนใจสายตาชาวโลกไหม ปธ.วิป รบ.ให้กำลังใจขอให้พ้นบ่วง ยอมรับได้ยินกระแสดูด แต่ พท.ไม่ทำ “รัชดา” ปราม 18 ทูตต่างชาติ อย่าจุ้น “เศรษฐา” ปลื้ม “ลุงตู่” ให้กำลังใจ แซวคน รทสช.อย่าดื้อกับนายกฯ งดพูดปรับ ครม. ให้พ้น ส.ค.จากคดีร้อนๆไปก่อน วุฒิสภาไฟเขียวหั่น กมธ. เหลือ 21 คณะ สว.สีขาวป่วนวอล์กเอาต์ตั้งชุดสอบประวัติว่าที่ อสส. “สุทิน” เรียก ทบ.ถกซ่อมโหด พลทหาร ตั้งศูนย์ออนไลน์ให้ผู้น้อยร้องทุกข์ ผบ.ทบ.กำชับผิดว่าไปตามผิด ลือสะพัดดัน “อรรษิษฐ์” นั่งปลัด มท.คนใหม่

การเมืองน่าจับตา หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล วันที่ 7 ส.ค. ล่าสุด สว.กลุ่มอิสระ และกลุ่มพันธุ์ใหม่ ออกมาเคลื่อนไหวเสนอให้มีการออกแถลงการณ์ในภาพรวมของ สว. คัดค้านการสั่งยุบพรรค ระบุว่านานาประเทศทั่วโลกกำลังจับตามองด้วยความกังวล

ปฏิมา จีระแพทย์
ปฏิมา จีระแพทย์

...

สว.จ่อแสดงจุดยืนยุบก้าวไกล

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ที่รัฐสภา นายปฏิมา จีระแพทย์ สว. กลุ่มอิสระ ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล วันที่ 7 ส.ค.ว่า อยากให้กระบวนการพิจารณาด้วยความเป็นธรรม เห็นการทำงานของพรรคก้าวไกลทำงานเป็นฝ่ายค้านมีคุณภาพมาก ทั้งการอภิปราย การเสนอญัตติต่างๆ รู้สึกเสียดายหากไม่มีพรรคฝ่ายค้านที่มีคุณภาพเช่นนี้

“อังคณา” ชี้ทั่วโลกจับตามองอยู่

นางอังคณา นีละไพจิตร สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยการยุบพรรคการเมืองไม่ควรเกิดขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ยุบพรรค กรณีพรรคก้าวไกลที่ชนะการเลือกตั้งมีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 มีประชาชนร่วมบริจาคเงินสนับสนุนพรรคจำนวนมาก แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้ยุบพรรคง่าย ทั่วโลกต่างจับตา เพราะการยุบพรรคถือเป็นเรื่องใหญ่ ในส่วนของ สว.ต้องคุยกัน น่าจะแสดงท่าทีคิดเห็นต่อกรณีนี้ แต่กำลังหารือกันอยู่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องอาศัยเสียง สว. คิดว่า สว.น่าจะสนับสนุน โดยเฉพาะเสียงข้างมาก เนื่องจากการยุบพรรคไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรคใด แต่เป็นปัญหาที่กระทบต่อพรรคการเมือง

“พันธุ์ใหม่” เร้าออกแถลงการณ์

นางนันทนา นันทวโรภาส สว. กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อกังวลเฉพาะของคนไทย แต่เป็นข้อกังวลของนานาประเทศทั่วโลกไปแล้ว ต่างออกแถลงการณ์ในเรื่องที่องค์กรที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน สามารถยุบพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน ถือเป็นความกังวลของนานาประเทศที่อยู่ในกลไกระบอบประชาธิปไตย และมองเป็นเรื่องใหญ่ ในส่วนของ สว.ต้องแสดงจุดยืนเรื่องนี้ น่าจะมีการออกแถลงการณ์ออกมา อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างแถลงการณ์ ก่อนนำเสนอในวันที่ 5-6 ส.ค.นี้ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ หรือเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจออกมาเป็นภาพรวมของ สว. ว่ามีจุดยืนตรงนี้อย่างไร ขอเชิญชวน สว.ทุกคนที่ตระหนักในเรื่องกลไกประชาธิปไตย มาร่วมกันลงชื่อ ทั้งนี้รายละเอียดเนื้อหาแถลงการณ์เป็นการแสดงความกังวลในเรื่องที่องค์กรอิสระสามารถเข้ามากำหนดและเปลี่ยนแปลงเรื่องทิศทางการเมืองไทย สามารถยุบสถาบันที่มาจากประชาชน พรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมา จะมองในเรื่องของหลักการประชาธิปไตยที่เป็นอารยะ

ก.ก.จี้ถามรัฐบาลให้ท้าย “คารม”

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ผ่าน X ระบุว่า ขอถามรัฐบาลว่าความเห็นและคำแถลงของนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์รัฐบาลไทย เป็นความเห็นรัฐบาลหรือไม่ แม้นายคารมจะบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตน แต่ข่าวดังกล่าวยังคงอยู่ในเว็บไซต์รัฐบาล ตกลงรัฐบาลยืนยันใช่หรือไม่ว่า รัฐบาลเห็นว่าพรรค ก.ก.มีพฤติกรรมท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ และจงใจสื่อสารในทางที่ทำให้เข้าใจได้ว่าพรรค ก.ก.เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ ตกลงรัฐบาลไม่เข้าใจหรือจงใจ ไม่เข้าใจเนื้อหาสาระของร่างแก้ไขมาตรา 112 ที่ สส.ก้าวไกลเคยเสนอต่อสภาฯ จึงพยายามสร้างความเข้าใจผิดกับสังคมว่าร่างดังกล่าวจะทำให้พระมหากษัตริย์ไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย ซึ่งไม่เป็นความจริง

สนใจสายตาชาวโลกที่ดูอยู่ไหม

นายพริษฐ์ระบุอีกว่า ตกลงรัฐบาลกังวลเรื่องการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะมีการแสดงความเห็นในคดีที่อาจถูกมองว่าเป็นการชี้นำศาล และรัฐบาลให้ความสำคัญกับมุมมองต่อประเทศไทยในสายตาโลกหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council) ที่ย่อมให้ความสำคัญกับสถานการณ์สิทธิเสรีภาพในประเทศไทย แต่รัฐบาลกลับสื่อสารในลักษณะที่ดูกังวลเป็นพิเศษกับการที่ต่างประเทศสนใจจับตาดูสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย หากรัฐบาลยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของทางนายคารม ต้องถามว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไรกับการใช้พื้นที่ในเว็บไซต์รัฐบาลมานำเสนอความเห็นส่วนตัว

วิป รบ.ให้กำลังใจก้าวไกลรอดบ่วง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้รับการประสานจากตัวแทนวิปพรรคก้าวไกล ขอว่า วันที่ 7 ส.ค.ให้เลิกประชุมสภาเร็ว เรายินดีปรับเวลาให้ และให้กำลังใจสมาชิกพรรคและโหวตเตอร์พรรคก้าวไกล เพราะไม่รู้จะออกมาบวกหรือลบ ในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยโดนมาแล้ว ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม เมื่อถามว่ามีกระแสพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทยจะยื่นสนับสนุนให้มีการแก้กฎหมายยุบพรรค นายวิสุทธิ์ตอบว่า คงต้องฟังก่อน เราก็ไม่อยากให้มีการยุบ ตอนนี้คงให้เป็นไปตามกระ บวนการ พรรคเพื่อไทยเราไม่ได้เห็นด้วยมาแต่ต้น ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค ส่วนเรื่องสัดส่วนกรรมาธิการที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ยังไม่อยากพูดถึงขอให้ผ่านวันที่ 7 ส.ค.ไปก่อน อาจกระทบจิตใจกัน สำหรับผลกระทบต่อตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หากเกิดขึ้นจริงพรรคร่วมรัฐบาลต้องมาปรึกษาหารือกัน วันนี้ยังไม่มีใครออกมาพูดว่าอยากได้โควตานี้

รับได้ยินกระแสดูดแต่ พท.ไม่ทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลระบุว่าเริ่มมีพรรครัฐบาลไปพูดคุยเพื่อดูด สส.ก้าวไกล นายวิสุทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบข่าวเรื่องนี้ อาจมีคนชวนเล่น ทีเล่นทีจริง ตนก็เคยพูดแบบเล่นๆ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปดึงใครมา ไม่มีความคิดจะไปดูดใครมา เมื่อถามย้ำว่ามีการคุยกันว่าจะเอา สส.ก้าวไกลมาเติมเสียงรัฐบาลหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า ไม่มี ยังไม่ได้คุยกัน เชื่อว่าเสียงขณะนี้พอแล้ว ไม่ต้องมากแค่นี้ก็อยู่ได้สบาย ไม่จำเป็นต้องไปหาเสียงมาเติม ปล่อยให้เขาอยู่ไป เราเองก็ได้แต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในสภา

วิสุทธิ์ ไชยณรุณ
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ

เชื่อนายกฯรอดจากคดีถอดถอน

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมด้วย นายวิสุทธิ์ตอบว่าได้ยินมาแบบนั้น แต่ฟังจากนายกฯแล้วว่าเสียงเราพอ วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องไปดึงใครมาร่วมอีก เรามั่นคงแล้วสามารถโหวตทุกเรื่องผ่านสบาย เดี๋ยวจะมีปัญหาเรื่องโควตารัฐมนตรีให้วุ่นวายอีก แค่นี้พอแล้ว เชื่อว่านายกฯปลอดภัย และมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านทำถูกต้องแล้ว ไม่มีอะไรเป็นข้อกังวล พรรคเราทุกคนเชื่อมั่นและให้กำลังใจท่านทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นความหวังให้สำเร็จเศรษฐกิจจะได้ดี

“รัชดา” ปรามทูตต่างชาติอย่าจุ้น

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีทูต 18 ประเทศ แสดงท่าทีต่อการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.ว่า มีความหมิ่นเหม่เสมือนพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าการพิจารณาคดีดังกล่าวตั้งอยู่บนข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและพฤติกรรมอันเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลได้ต่อสู้คดีความตามวิถีของตนเองแล้ว ไม่มีกลไกใดเข้าขัดขวาง การแสดงออกของกลุ่มทูต 18 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีให้การสนับสนุน เห็นอกเห็นใจ รวมถึงการประกาศไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคก้าวไกล ถือเป็นเรื่องผิดมารยาทมาก ขอให้คณะผู้แทนประเทศเหล่านั้นตระหนักไว้ว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อยอดความสัมพัทธ์ระหว่างประเทศ ประเทศไทยไม่เคยเรียกร้องหรือแสดงออกที่เป็นการไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศอื่น ขอตั้งคำถามถึงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศว่าทำอะไรอยู่ ได้ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศบ้างหรือไม่ หรือปล่อยให้ทูตประเทศต่างๆ รับข้อมูลแต่เพียงด้านเดียวจึงแสดงท่าทีออกมาเสมือนคนไม่รู้เช่นนี้

“เศรษฐา” ปลื้ม “ลุงตู่” ให้กำลังใจ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมชลประทาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ที่มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมนางชดช้อย ทวีสิน มารดาว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้ความเมตตา มางานสวดศพคุณแม่ ยังบอกว่าเป็นกำลังใจให้นะ และสอบถามไปไหนมาบ้าง เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากข้อห่วงใยอะไรหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า บอกให้อดทน เป็นกำลังใจให้ กับ พล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสเจอกันหลายครั้งแล้ว ขณะร่วมงานพระราชพิธี พูดคุยกันเยอะหลายเรื่อง ขอความเห็นท่านหลายเรื่อง ไม่ได้ปรากฏเป็นภาพออกไป เมื่อถามว่ามีโอกาสนัดพบและพูดคุยกันถึงเรื่องบ้านเรื่องเมืองเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ถ้ามีความจำเป็นคงต้องไปคุย อย่างที่เคยบอกยินดีรับฟังความคิดเห็นอดีตนายกฯทุกท่าน

แซวคน รทสช.อย่าดื้อกับนายกฯ

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ในงานสวดพระอภิธรรมช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินผ่านรัฐมนตรีและสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ท่านยังบอกว่าให้ช่วยนายกฯดีๆนะ และหันไปแซวบางคนว่าคนนี้ดื้อไหม เลยตอบไปว่าไม่ดื้อ ไม่มีใครดื้อ ทุกคนทำงานไม่มีเวลาดื้อ ปัญหาพี่น้องประชาชนเยอะ ท่านก็หัวเราะ เป็นการพูดคุยกันอย่างมีมิตรภาพที่ดี และฝากตนกับพรรค รทสช.บอกให้ช่วยกัน เป็นความเมตตา เมื่อถามว่าแล้วพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดื้อและเกเรหรือเปล่า ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค พปชร. ที่ยืนอยู่ด้วยหัวเราะ ขณะที่นายกฯหัวเราะพร้อมตอบว่า ไม่ดื้อ เป็นเรื่องภายในของเขา ไม่เคยต้องถาม ร.อ.ธรรมนัส เรามุ่งมั่นทำงานกันอยู่แล้ว ตรงนี้อย่าเป็นประเด็นเลย เอาเรื่องพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

งดพูดปรับ ครม.ให้พ้น ส.ค.ไปก่อน

นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรค รทสช.ทำหนังสือถึงนายกฯ ยืนยันโควตารัฐมนตรีของพรรคที่ยังว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง หากมีการปรับ ครม. พรรคเสนอนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค รทสช.ว่า อ่านจากหนังสือพิมพ์ แต่เรื่องยังไม่ถึงมือ เรื่องนี้อย่างที่บอกตอนนี้เดือน ส.ค.มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบตุลาการเยอะไปหมด ต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อน ให้หลายๆเรื่องจบไปก่อน แต่แน่นอนถ้าเกิดพรรคร่วมรัฐบาลเสนอมาเราต้องพิจารณา แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ เพราะยังมีเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ ต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อน เมื่อถามว่าหากมีการยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะส่งผลกับสถานการณ์อะไรหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่าไม่เกี่ยว เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงดูแลดีอยู่แล้ว

ปิยบุตร แสงกนกกุล
ปิยบุตร แสงกนกกุล

“ปิยบุตร” ติงกระทบความเป็นกลาง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “องคมนตรีต้องไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ รัฐธรรมนูญมาตรา 12 กำหนดว่า “องคมนตรีต้องไม่เป็น สส. สว. หรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ สมาชิกหรือเจ้าหน้าที่พรรคการเมือง หรือข้าราชการ เว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ และต้องไม่แสดงการฝักใฝ่พรรคการเมืองใดๆ การแสดงความเห็นในงานศพของคุณแม่นายกฯ ทั้งกรณีพูดถึงรัฐบาล พูดถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นการแสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆหรือไม่ นอกจากนั้นนายกฯยังให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่าองคมนตรีพูดอะไรอีก เป็นการเหมาะสมหรือไม่ ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบกระเทือนถึงสถานะความเป็นกลางทางการเมืองขององคมนตรีหรือไม่ โปรดช่วยกันพิจารณา”

“สุทิน” ชินแล้วชื่อหลุดทุกโผ ครม.

วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ที่มีชื่อหลุดจากการเป็น รมว.กลาโหมว่า เป็นอย่างนี้มาตลอด เคยเป็นข่าวมาแล้วเรื่องก็จบไป การเมืองไทยเป็นแบบนี้ ไม่น่าวิตกอะไร ทำงานไปเรื่อยๆ ส่วนความคืบหน้าการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2567 กำลังทำอยู่ จะเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย.แน่นอน ส่วนกระแสข่าวการจัดโผครั้งนี้ค่อนข้างยากเนื่องจากมีปัญหาภายในนั้น ยอมรับว่ายาก ต้องมีจุดลงตัว ไม่หนักใจ ทหารมีกฎเกณฑ์ชัดเจน มีเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ตนดูในภาพรวม ตามกฎเกณฑ์ ตามประเพณี

รทสช.เห็นพ้อง “เอกนัฏ” นั่ง รมต.

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวหัวหน้าพรรค รทสช. ส่งหนังสือแสดงเจตจำนงให้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค รทสช. เป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรค รทสช.ที่ว่างอยู่ถึงนายกฯว่า เป็นไปได้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนายเอกนัฏหลุดจากคดีความต่างๆ มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีแล้ว กรรมการบริหารพรรคและ สส.พรรค คงไม่มีใครปฏิเสธ เนื่องจากนายเอกนัฏทำงานด้วยความทุ่มเท ในสภามีผลงานชัดเจน ยืนยันทุกคนพร้อมสนับสนุน แต่อำนาจการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่นายกฯและหัวหน้าพรรค รทสช.

“รัดเกล้า” วอนอย่าเชื่อเฟกนิวส์

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระแสข่าวในโลกออนไลน์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตือนแอปพลิเคชันทางรัฐไร้ความปลอดภัยนั้น เป็นข่าวปลอม ธปท.ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้ระบุตามที่เป็นข่าว แต่เคยมีหนังสือให้ความเห็นที่อยากให้ระบบของโครงการเป็นไปตามมาตรฐานสากล แอปฯทางรัฐพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงในแอปฯเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูลและผู้มีอำนาจตามกฎหมายเท่านั้น ปัจจุบันยังไม่เชื่อมกับบัญชีธนาคาร และไม่มีการเก็บข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนแต่อย่างใด ฉะนั้นข่าวลือข้อมูลส่วนตัวโดนดูดหลังลงทะบียน หรือความกังวลใจว่าบัญชีธนาคารจะโดนแฮ็กนั้นเป็นเฟกนิวส์ อย่าเชื่อและไม่ส่งต่อ เพื่อระงับความกังวลใจที่ผิดๆในสังคม

สว.ไฟเขียวลด กมธ.เหลือ 21 คณะ

ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา การตั้งคณะกรรมา ธิการ (กมธ.) สามัญจำนวน 5 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ฉบับนายประภาส ปิ่นตบแต่ง ฉบับนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ฉบับนายเอกชัย เรืองรัตน์ และฉบับ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ทั้งนี้ นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว.สายสีน้ำเงิน อภิปรายสนับสนุนฉบับของ พล.ต.ท.ยุทธนา ที่ให้ลด กมธ.จากเดิม 26 คณะ เหลือ 21 คณะ ขณะที่ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ อาทิ นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สนับสนุนฉบับนายประภาส ที่ให้มี 26 คณะเท่าเดิม จากนั้นที่ประชุมลงมติรับร่างของ พล.ต.ท.ยุทธนาเพียงฉบับเดียว ด้วยคะแนน 148 ต่อ 39 ไม่ลงคะแนน 13 ตั้ง กมธ.วิสามัญ 21 คน ขึ้นมาพิจารณา อาทิ นายบรรเจิด สิงคะเนติ นักวิชาการนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายสมคิด เลิศไพทูรย์ นักวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ป่วนแย่งเก้าอี้สอบประวัติ อสส.

ต่อมาที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาวาระการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ตามที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เสนอชื่อนายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด ขึ้นทำหน้าที่เป็นอัยการสูงสุด ส่งให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา แต่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ อภิปรายขอให้ส่งชื่อนายไพรัชกลับไปให้ ก.อ.ทบทวน และเสนอกลับมาใหม่ เพราะไม่ต้องการให้ สว.ชุดปัจจุบันถูกมองภาพการทำงานเป็นการรับมรดกมาจาก สว.ชุดเก่า กมธ.ชุดใหม่ไม่ควรรับข้อมูลเดิมที่เป็นของ กมธ.ชุดที่แล้วที่ทำเป็นการลับ ไม่รู้จะตรวจสอบอย่างไร แต่ปรากฏว่าถูกคัดค้านจาก สว.สายสีน้ำเงิน อาทิ นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม ที่เห็นแย้งว่า การแต่งตั้งอัยการสูงสุด หากถอยกลับไปเริ่มต้นใหม่ จะไม่ทันต่อการดำรงตำแหน่งในเดือน ต.ค.นี้ ควรเสนอชื่อ กมธ.ตรวจสอบประวัติต่อไป ทำให้นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาแล้วยืนยันให้เสนอชื่อ กมธ. จำนวน 15 คน แต่ปรากฏว่า สว.แต่ละกลุ่มไม่ยอมกัน พากันเสนอชื่อ สว.ฝ่ายตัวเองเป็น กมธ. รวม 33 คน เกินจำนวนที่กำหนด จนต้องใช้วิธีลงมติผ่านบัตรลงคะแนน และสั่งพักการประชุมเพื่อเตรียมการ

กลุ่มสีขาววอล์กเอาต์

หลังพักการประชุมกลับมาเปิดประชุมใหม่ สว.กลุ่มอิสระ และ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ ต่างไม่พอใจพากันตำหนิว่า จะมีการใช้เสียงข้างมากลากไปในการตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติ แทนที่จะใช้การรอมชอมกัน เช่น การจับสลาก หรือเจรจาไกล่เกลี่ยเหมือนที่ผ่านมา ถือว่าไม่ฟังเสียงข้างน้อย ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กลุ่มสีขาว กล่าวว่า ขอไม่ร่วมสังฆกรรมในการโหวตครั้งนี้ ที่มีการใช้เสียงข้างมากลากไป ก่อนวอลก์เอาต์ออกจากห้องประชุม อย่างไรก็ตาม พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ยืนยันให้มีการลงมติผ่านบัตรลงคะแนน เพื่อคัดเลือก กมธ.ตรวจสอบประวัติให้เหลือ 15 คน

“สุทิน” เรียกถกซ่อมโหดพลทหาร

เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม หารือร่วมกับ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กรณีการลงโทษกำลังพลด้วยวิธีการจับแก้ผ้าที่ฐานปฏิบัติการนอแล จ.เชียงใหม่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียดใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง นายสุทินแถลงว่า ผลการสอบสวนพบว่าเกิดขึ้นจริง 2 ครั้ง ในเดือน มี.ค. และเดือน ส.ค. ทั้ง 2 กรณีกองทัพบกได้สอบสวนและลงโทษไปแล้ว ทั้งนี้จะให้มีการตรวจสอบสุขภาพจิตผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะครูฝึกทั่วประเทศ มีโอกาสจะเกิดความเครียดจนลงโทษแบบวิตถาร สำหรับเคสดังกล่าวที่สั่งให้แก้ผ้า เดี๋ยวผู้บังคับบัญชาจะไปตรวจสอบว่าเข้าข่ายโรคจิตหรือไม่

ตั้งศูนย์ออนไลน์ให้เข้าร้องทุกข์

รมว.กลาโหมกล่าวว่า ปัจจุบันโซเชียลเข้าถึง และตนมีระบบตรวจสอบ จะตั้งศูนย์ออนไลน์ให้ทหารชั้นผู้น้อยร้องทุกข์ จากเคสดังกล่าวไม่พบว่า ความพยายามที่จะปิดปากทหารที่ถูกกระทำ หรือแม้แต่คิดจะทำ เน้นย้ำมาตลอดว่าสังคมจับจ้องกองทัพ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ก็มีมาก บางส่วนก็มีด้อยค่า ดิสเครดิตกองทัพ ต้องระมัดระวัง ปิดปากก็ไปเข้าทางเขาเลย ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับการรณรงค์ให้มาสมัครใจเป็นทหาร และกังวล แต่เชื่อว่าการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อให้ความจริงปรากฏประชาชนสามารถแยกแยะได้ ไม่ได้เกิดขึ้นมากกับทุกหน่วยทหาร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมีการนำไปขยายให้น่ากลัว

ผบ.ทบ.กำชับผิดว่าไปตามผิด

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ผลการสอบสวนกรณีดังกล่าวยอมรับเรื่องดังกล่าวผิดจริง เรื่องการลงโทษกำลังพล พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. เน้นย้ำให้ยึดระเบียบกองทัพ โดยเฉพาะการลงโทษเกินกว่าเหตุ ส่วนเรื่องการข่มขู่ยืนยันว่าคู่กรณีได้ถูกแยกกันออกจากหน่วยแล้ว คณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้จะเป็นผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่า ทุกเรื่อง ผบ.ทบ.กำชับให้อยู่ในระเบียบวินัย สิ่งไหนผิดต้องลงโทษ และหากเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจริงเข้าข่ายหลายกระทง เพราะคนเป็นผู้บังคับบัญชาต้องกำกับดูแลทหารที่อยู่ในฐานอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อห้าม และข้อที่ควรทำ ส่วนความผิดทางอาญาข้อหาอนาจาร ขอดูเรื่องข้อกฎหมายก่อน ขณะที่ฝ่ายการเมืองโดยคณะกรรมธิการการทหารมาดูแลเรื่องนี้แล้ว

ดัน “อรรษิษฐ์” นั่งปลัด มท.คนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เตรียมเสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อทดแทนนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะเกษียณอายุราชการเดือน ก.ย. โดยจะเสนอชื่อนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ทั้งนี้ นายอรรษิษฐ์จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสิงห์ดำรุ่น 42 อายุราชการยาวถึงปี 2574 ติดตามทำงานใกล้ชิดนายอนุทินมาตลอด และถูกมองมีผลงานโดยเฉพาะนโยบายจัดระเบียบสังคม การปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า สถานบริการเปิดเกินเวลา รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่