ที่ประชุมสภา มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ใช้ทำดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 122,000 ล้านบาท ด้วยคะแนน 292 ต่อ 161 เสียง “จุลพันธ์” ขอบคุณ ยัน รัฐบาลจะกำกับดูแลให้โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อเวลาประมาณ 14.53 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เข้าสู่การลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... วงเงิน 122,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet) ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากการอภิปรายและลงมติมาตราที่มีการแก้ไขในวาระที่ 2 เสร็จสิ้น นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เรียกตรวจสอบองค์ประชุมเพื่อลงมติในวาระที่ 3 ว่าที่ประชุมจะเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่ ผลเป็นดังนี้

ผลการลงมติ 

  • เห็นชอบ 292 (ลงคะแนนด้วยเสียง 1)
  • ไม่เห็นชอบ 161
  • งดออกเสียง 1
  • ไม่ลงคะแนนเสียง 1

สรุปว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... 

...

ต่อมาเข้าสู่การลงมติข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการหรือไม่ มติที่ประชุมสรุปว่าเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ด้วยคะแนนดังนี้ 

  • เห็นด้วย 449 (ลงคะแนนด้วยเสียง 1)
  • ไม่เห็นด้วย 2
  • งดออกเสียง 1
  • ไม่ลงคะแนนเสียง 0

จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนของรัฐบาลขอบคุณที่ช่วยกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .... ถือเป็นเครื่องมือสำคัฐที่จะใช้ขับคลื่อนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ควบคู่รักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 

สำหรับข้อคิดเห็น คำเสนอแนะ ข้อเสนอ รวมถึงความห่วงใย รัฐบาลขอรับไว้ด้วยความขอบคุณและจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้เม็ดเงินงบประมาณมากที่สุด และยังขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญที่สละเวลาและร่วมมือพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างเต็มที่ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งข้อสังเกตุของคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ รัฐบาลจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด 

“กระผมขอให้ความมั่นใจว่านโยบาย มาตรการ และงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้นำไปใช้จ่ายในครั้งนี้ จะนำไปช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแล ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีความโปร่งใส และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมใหมีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต และการดำรงชีพ รวมถึงสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนต่อไป” โดยจบวาระนี้ในเวลา 14.59 น.