รองโฆษก สธ. โชว์ "สมศักดิ์" ลงพื้นที่ "สระแก้ว-ปราจีนบุรี" ต่อยอดสมุนไพรไทย หวังแทนที่ยาเคมี เพิ่มรายได้เกษตรกร พร้อมเดินหน้า Medical Hub ย้ำ นโยบาย 1 ผู้เสพ 1 ผู้ค้า
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 67 นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับฟังการดำเนินงานสาธารณสุขชายแดน ณ จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว มีข้าราชการและประชาชนมาต้อนรับจำนวนมาก โดยนายสมศักดิ์ ได้กล่าวถึงโครงการต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แก่ผู้มาต้อนรับ โดยเฉพาะโครงการ 30 บาท รักษาทุกที่ และการก้าวไปสู่ โครงการ 30 บาท อัปเกรดพลัส เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการรักษาและการบริการของโรงพยาบาลรัฐ ที่มีคุณภาพสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ หรือเรียกว่าโครงการสาธารณสุขชายแดนที่มุ่งเน้นผลักดันให้โรงพยาบาลเหล่านั้นที่มีความพร้อมที่จะเป็น Medical Hub เฉพาะทาง พร้อมทั้งลดความแออัดในโรงพยาบาลใหญ่
"จังหวัดสระแก้ว ก็เป็นจังหวัดเป้าหมายที่จะถูกพัฒนาต่อไป รวมถึงการให้เกษตรกรในจังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดใกล้เคียง มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชสมุนไพร สนับสนุนโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งดำเนินการรับซื้อพืชสมุนไพรต่างๆ จากเกษตรกรเพิ่มเติมและนำไปผลิตเป็นยาสมุนไพรไทยมาจำหน่ายกับกระทรวงสาธารณสุข โดยนายสมศักดิ์ ได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมในการใช้สมุนไพรไทย แทนที่ยาเคมีต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านบาท ที่กระทรวงสาธารณสุขต้องจ่ายทุกๆ ปีในโครงการบัตรทอง" รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
...
นายจิรพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น นายสมศักดิ์ ยังปลุกระดมให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และผู้นำชุมชนที่มาต้อนรับให้ช่วยกันปราบปรามยาเสพติดให้หมดไป โดยแจ้งเบาะแสผู้ค้ายาเสพติดต่อทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบ และให้ความมั่นใจว่า ผู้แจ้งเบาะแสให้กับทาง ป.ป.ส. จะถูกปกปิดรายชื่อเป็นความลับ ตามนโยบาย 1 ผู้เสพ 1 ผู้ค้า ของนายสมศักดิ์ โดยผู้เสพจะถูกนำไปบำบัด และผู้ค้ายาเสพติดจะต้องถูกดำเนินคดีและยึดทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย หรือรายใหญ่ ซึ่งสมัยที่นายสมศักดิ์ เป็น รมว.ยุติธรรม ได้ควบรวมกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องถึง 24 ฉบับ ตราเป็นพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และตราพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ให้ง่ายต่อการยึดทรัพย์ของผู้ค้ายาเสพติด โดยผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัล 5% และเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจะได้รับรางวัล 25%