"ศุภชัย" แจง รมว.ยธ. ยืนยัน "กัญชา" เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ มีอยู่จริง-บรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาล แนะใช้ให้ถูกต้อง ออกกฎหมายมาควบคุม บังคับใช้ ก.ม.เคร่งครัด เป็นแนวทางที่ดีที่สุด
เมื่อวันที่ 11 พ.ค.67 นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ได้ออกมาชี้แจงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่เห็นด้วยในการใช้กัญชาในเชิงเศรษฐกิจ ว่า ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชง เรียนชี้แจงว่านโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบันเขียนไว้ชัดเจนว่า "รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ" ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ให้การรับรองเอาไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นการดำเนินการที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ การออกกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาอย่างถูกต้อง และได้มีการเสนอกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้กัญชากัญชง ในสภาผู้แทนราษฎร
นายศุภชัย กล่าวยืนยันว่า การใช้กัญชาในประเทศไทยนั้น มีการกำหนดเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า การนำกัญชา กัญชง มาใช้ปริมาณสารสกัดจะต้องมี THC ไม่เกิน 0.2% ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของสหประชาชาติ และหลายประเทศทั่วโลกดำเนินการตามนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและประเทศกลุ่มยุโรป ก็มีการออกกฎหมายมาควบคุมการใช้ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา โดยที่อุตสาหกรรมกัญชาคาดการณ์ว่า จะมีมูลค่านับหมื่นนับแสนล้านบาท
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า การประกาศให้กัญชาทุกส่วน หรือบางส่วน หรือเฉพาะสารสกัดเป็นยาเสพติด ต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ จึงจะตอบประชาชนได้ว่าเหตุใดจึงมีการประกาศเปลี่ยนแปลงสถานะของกัญชา ให้กลับไปเป็นยาเสพติด เนื่องจากการประกาศให้กัญชาทุกส่วนที่ผลิตในประเทศ พ้นจากการเป็นยาเสพติด และกำหนดให้สารสกัดที่มี THC มากกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก เป็นยาเสพติด เป็นการประกาศโดยมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และเป็นมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ดังนั้นจึงต้องมีเหตุผลมารองรับหากจะมีมติเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับปัจจุบัน
...
"จึงต้องรอดูว่าการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดนั้น จะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชน ที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพหรือไม่ อย่างไรต่อไป โดยเฉพาะหากมีการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด จะเหมาะหรือไม่ที่รัฐบาลจะใช้ยาเสพติดมาสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ การแก้กฎหมายต้องคำนึงถึงคนทั้งประเทศ การแก้ปัญหาคือการออกกฎหมายมาควบคุม ไม่ใช่การทำให้กัญชาเป็นยาเสพติด การปลดล็อกกัญชาที่ผ่านมา มีการออกประกาศควบคุมต่างๆ เช่น ปริมาณ THC ไม่ให้เกิน 0.2% การห้ามจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนบริเวณใกล้เขตวัด เขตโรงเรียน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร และการร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชากัญชง พรรคภูมิใจไทย ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ขณะนี้ได้ยื่นร่างเข้าสู่สภาแล้ว จึงเป็นแนวทางที่น่าจะดำเนินการต่อไปให้สิ้นกระบวนการ" นายศุภชัย กล่าว