“เศรษฐา-ภูมิธรรม” กางปีกป้อง “แพทองธาร” ฟาด ธปท.สะท้อนปัญหาทุกข์ยากของประชาชน นายกฯโต้เข้าใจความเป็นอิสระ ไม่ได้กดดันบีบแบงก์ชาติ จ่อถกขุนคลังหาทางประสานงานให้ดีขึ้น “อ้วน” เฉ่งเดือด ธปท.ไม่ใช่สถาบันอยู่เหนือการเมือง ต้องถูกวิจารณ์ได้ โวยสื่อละเลงอคติจ้องถล่มขยายแผลขัดแย้ง “รัชดา” ไล่ พท.ไปอ่านบทความไอเอ็มเอฟการันตีแบงก์ชาติต้องเป็นอิสระ “ชัยชนะ” เหน็บรัฐบาลหาแพะรับบาป ลากผู้ว่าการ ธปท.ขวางลำแจกเงินหมื่น นายกฯควง “จิราพร-เผ่าภูมิ” ลงพื้นที่มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ติดตามแก้ภัยแล้ง ล้างยาเสพติด สางหนี้นอกระบบ การันตีเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้ชัวร์ไม่เกิน ธ.ค.นี้ “อุ๊งอิ๊งค์” ลุยพื้นที่มหาสารคามคู่ขนาน เปิดตัว “น้องชายโจ้” ชิงนายก อบจ. รับปากชาวบ้านปลายปีเงินหมื่นถึงมือแน่
หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค เพื่อไทย (พท.) ถูกฝ่ายค้านรุมถล่ม กรณีพูดบนเวที “งาน 10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ จนถูกมองว่าพยายามแทรกแซงกดดัน ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำพรรค พท.ต่างออกมา ปกป้อง น.ส.แพทองธาร พูดเพื่อสะท้อนปัญหาของประชาชน ไม่ได้กดดันผู้ว่าการ ธปท.
...
นายกฯ ป้อง “อุ๊งอิ๊งค์” สะท้อนเสียง ปชช.
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 5 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พูดบนเวที “งาน 10 เดือน ที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นที่ น.ส.แพทองธาร พูดเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า ส่วนตัวเข้าใจในความเป็นอิสระของแบงก์ชาติและมั่นใจ ว่าทำงานร่วมกันและให้เกียรติมาโดยตลอด เมื่อมีข้อเรียกร้องจึงได้เรียกร้อง เมื่อต้องพูดคุยก็พูดคุยกัน เรื่องดอกเบี้ยที่เห็นว่าควรต้องปรับลดลง แต่ผู้ว่าการแบงก์ชาติมีเหตุผลที่จะไม่ปรับลด จากนี้รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าพูดคุยกับ 4 ธนาคารใหญ่ เพื่อให้ลดดอกเบี้ยลง เชื่อว่าเป็นการทำงานยึดโยงกับประชาชนจากที่ลง พื้นที่รับฟังมาโดยตลอด ในการลงพื้นที่ จ.มหาสารคามและ จ.ร้อยเอ็ด จะรับฟังปัญหานี้ต่อไป ความเป็นอิสระ ก็เรื่องหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าการมาอยู่ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง เรามาอยู่ เพื่อประชาชน แต่วิธีการแก้ไขปัญหามีข้อแตกต่างกันไป ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์กันได้
โต้ฝ่ายค้านยันไม่ได้บีบแบงก์ชาติ
นายเศรษฐากล่าวว่า มีความกังวลกับทุกเรื่อง รวมถึงผลกระทบจากความคิดเห็นที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง จึงพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่ทำได้ เหมือนคำแนะนำที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติระบุว่า การประสานระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลควรดำเนินการผ่านสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สคล.) หรือหน่วยงานกระทรวงการคลัง ต้องมีการพูดคุยกันต่อไป เพราะมีความเห็นแตกต่างกันชัดเจนเรื่องดอกเบี้ย เพราะการลดดอกเบี้ยแค่ 1 สลึง หรือ 50 สตางค์มีส่วนช่วย วันนี้จะไปรับฟังปัญหาการแก้ไข ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน วิธีการสื่อสารอาจแตกต่างกันไป แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร หลังจากนี้จะหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง คนใหม่ว่าจะสามารถประสานพูดคุยกับแบงก์ชาติได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น เพราะหากขัดแย้งกัน แล้วประชาชนเดือดร้อนจะไม่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากัน แต่มีวิธีอื่นที่ประสานพูดคุยกันได้ ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านมองว่าเวทีของพรรค พท.เป็นการ บีบแบงก์ชาติให้เห็นด้วยกับรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันไม่เคยบีบใคร เป็นแค่การสะท้อนความต้องการของประชาชน
“ภูมิธรรม” โต้เดือดแบงก์ชาติต้องแตะได้
วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อแบงก์ชาติ ไม่ใช่องค์กร หรือสถาบันที่ประชาชนจะกล่าวถึง วิพากษ์วิจารณ์ หรือแตะต้องไม่ได้ ระบุว่า เจตจำนงพรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้สื่อสารกับสังคมถึงกรณีแบงก์ชาติในวันประชุมพรรคที่ผ่านมา สำหรับผมคือการแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจและห่วงใยที่แบงก์ชาติยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิม โดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ประชาชนที่เป็นลูกหนี้แบงก์และประชาชนทั่วไปกำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่พวกเขา อย่างแสนสาหัส สื่อมวลชนรับรู้กระแสข่าวเรื่องนี้อย่าง ต่อเนื่อง ความคิดคนในสังคมต่อประเด็นนี้มีหลาก หลาย ประเด็นการตัดสินใจของแบงก์ชาติเป็นกระแส ความเห็นต่างอย่างกว้างขวางในสังคม แต่แปลกใจทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล
ลั่นไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง
นายภูมิธรรมระบุว่า การแสดงความเห็นกรณีแบงก์ชาติในวันประชุมหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อน ความเห็นอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาต่อแบงก์ชาติ ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาดูแลระบบเศรษฐกิจประเทศ ความเห็นดังกล่าว มีนัยสะท้อนความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาวะทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตประชาชนจำนวนมากซึ่งกำลังเดือดร้อน แบกรับความยากลำบากอยู่ ท่าทีการแสดงความคิดทางการเมืองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย สำนึกความ รับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน เป็นการ นำเสนอในเวทีพรรคการเมือง ประกอบด้วย กรรมการและสมาชิกพรรคที่ต่างต้องมีส่วนร่วมในการแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิดและ จัดการภาวะเศรษฐกิจประเทศ จึงเป็นสิทธิที่พูดได้ ออกความเห็นได้ เป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ ไม่ว่าจะ ในฐานะพลเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความ ห่วงใยประชาชน บ้านเมือง การแสดงความเห็นโดยสุจริตใจครั้งนี้จะกระตุกสังคมและผู้เกี่ยวข้องให้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น ความเป็นจริงแบงก์ชาติไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงข้ามแบงก์ชาติคือกลไกระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้ แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทาง เศรษฐกิจ ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาติไม่ข้องเกี่ยวการเมืองและชีวิตประชาชน
โวยสื่อละเลงอคติเล่นงานคนเห็นต่าง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า การที่ประชาชน หรือพรรคการเมืองกล่าวถึงแบงก์ชาติ วิพากษ์วิจารณ์เสนอ ความเห็นต่อแบงก์ชาติไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอมุมมองทางเลือกอื่นๆที่เหมาะสมมากกว่าบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การที่สื่อบางบุคคล บางสำนัก มีอคติต่อพรรคเพื่อไทย นำความเห็นบางส่วนของหัวหน้า พรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง ขยายความตามอคติตน ใส่สีตีข่าว ทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง ผมเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วนที่ติดยึด กับอคติเดิม การใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติ ขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆและปั่นกระแสขัดแย้ง ในสังคม ไม่คำนึงถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว ขอยืนยันว่ากรณีแบงก์ชาติเป็นประเด็นที่สังคมสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้ ปัญญารอบด้านมากกว่าใช้จินตนาการที่มี แต่อคติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
นายกฯ-2 รมต.ใหม่ลุยอีสานดูภัยแล้ง
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อม น.ส.จิราพร สินธุไพร หรือน้ำ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 5-6 พ.ค. โดยนายกฯกล่าวถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า ได้รับรายงานปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกลงมาในช่วงฤดูฝนว่าปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จึงได้หารือกับ รมว.เกษตรฯ บริหารจัดการน้ำให้ดีเพื่อผันน้ำไปให้กับเกษตรกร และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหาทุเรียนสุกก่อนเวลา เพราะอากาศร้อน ได้ขอความร่วมมือไปยังกองทัพ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส.นำรถน้ำไปช่วยเหลือใน จ.ชุมพร และกำลังจะขยายไปในพื้นที่อื่นๆ ส่วนปัญหาพายุฤดูร้อนที่กำลังสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ได้พูดคุยติดตามสถานการณ์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อจัดงบฯไปช่วยเหลือ และยังคงพูดคุยอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบถึงความเดือดร้อนต่างๆ ยังมีการลักลอบเผาป่า จึงต้องพูดคุยอย่างต่อเนื่อง
บึ่งไปมหาสารคามแก้ไขปัญหาน้ำ
เวลา 10.50 น. นายกฯเดินทางถึงที่ว่าการ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ติดตามภารกิจพัฒนาพื้นที่ แก้ปัญหายาเสพติด หนี้นอกระบบ มีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร หรือโจ้ ที่ปรึกษา นายกฯ ในฐานะเจ้าของพื้นที่พร้อม สส.มหาสารคาม พรรค พท.รอต้อนรับ โดยนายกฯรับฟังบรรยายสรุปการแก้ปัญหายาเสพติด ภัยแล้ง ปัญหาหนี้นอกระบบและกล่าวมอบนโยบายว่า ต้องการมาดูปัญหาจริงๆ จ.มหาสารคาม ดูจากตัวเลขยังน่าเป็นห่วง รายได้ต่อหัวประชากรยังต่ำเป็นลำดับ 57 ของประเทศต่ำอยู่มาก ยังต้องพึ่งภาคเกษตรค่อนข้างมาก ภาคเกษตรจะดีได้ต้องมีน้ำเป็นปัจจัยหลัก ได้คุยกับกระทรวงเกษตรฯ กรมป้องกันสาธารณภัยให้ดูแลน้ำ ขนส่งน้ำบริการประชาชน ซ่อมบำรุงการประปาให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ และพูดคุยกับกองทัพให้มาดูแลในแง่รถบรรทุกน้ำทหารที่มีทั่วประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องน้ำให้เพียงพอทุกมิติ
ขันนอตแก้หนี้นอกระบบ-ยาเสพติด
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาหนี้นอกระบบ ตัวเลขที่ผู้ว่าฯเสนอ ยอดมูลค่าหนี้ 300 ล้าน ต้องยอมรับว่ายังต่ำอยู่ ลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่มาลงทะเบียนในระบบมีไม่ถึง 3,000 คน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการ ทำงานหนักเพื่อนำทุกคนเข้าสู่ระบบการไกล่เกลี่ยลูกหนี้แต่ต้องยอมรับบางทีตัวเลขยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทราบดีตัวเลขหนี้ทั้งในและนอกทั้งระบบมีเป็นแสนล้าน แต่ก็ขอให้กำลังใจ ช่วยกัน ทำงานให้หนักขึ้น ฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลเรื่องผู้มีอิทธิพลที่ข่มขู่ไม่ยอมเข้าสู่ระบบ หากเราแก้ที่รากฐานปัญหาหนี้นอกระบบได้ ปัญหาต่างๆก็จะลดน้อยลง ส่วนปัญหายาเสพติด ยังเป็นปัญหาใหญ่ภาคอีสาน เรื่องใหญ่เกิดจากการทำงานใช้หนี้ไม่เพียงพอ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญจัดการ วันนี้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาด้วย แม่ทัพภาค ผู้บังคับการภาค 4 มากันครบ อยากให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญดูแลประชาชน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม จัดทำบัญชีผู้ค้ายาเสพติดระดับใหญ่กลาง เล็ก กำหนดกรอบการปราบปราม ต้องไม่เกิน 90 วันตั้งแต่วันนี้ ให้ถือว่าผู้มียาเสพติดในครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย แต่ต้องแบ่งแยกระหว่างผู้เสพ ผู้ค้า ให้รายงานต่อสำนักนายกรัฐมนตรีทุกเดือน ขณะที่ของกลางต้องเร่งทำลายเผา อย่าให้เคลื่อนย้าย ทุกอย่างต้องโปร่งใสถูกต้อง
จี้เร่งยึดทรัพย์สกัดตัดท่อน้ำเลี้ยง
นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้ตั้งศูนย์บำบัดทุกหน่วยราชการที่ทำได้ เช่น ค่ายทหาร มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาดูแล ตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำงานอย่างบูรณาการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ปกครอง เข้ามาจัดการเรื่องความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขด้วย ขอให้เคร่งครัดปฏิบัติเรื่องยาเสพติดถือเป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่กระบวนการยึดทรัพย์ต้องทำให้เร็ว สกัดตามชายแดน ไม่ให้มียาเสพติดรั่วเข้ามา จัดการผู้ค้ายาอย่างเด็ดขาด เอาชุมชน หมู่บ้านเข้ามามีส่วนแก้ปัญหา ร่วมกันบูรณาการ ขอย้ำอีกครั้งถนนนี้อีกไกล เชื่อว่าเรามีแผนงานที่ชัดเจน แต่ปัญหายังอยู่ ราคายาบ้าก็ยังไม่ขึ้น และยังมีมาก ต้องทำงานกันให้หนักมากขึ้น
ขอชาวบ้านช่วยผ่านประชามติ รธน.
จากนั้นเวลา 10.40 น. นายเศรษฐาเดินทางมายังศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย แวะทักทายประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเวทีเพื่อไทยพบประชาชน โดยจุดนี้ไม่ได้อยู่ในกำหนดการนายกฯ ช่วงหนึ่งของการปราศรัยพรรค พท.ขอให้ประชาชนชาวมหาสารคามสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติทั้ง 3 ครั้ง จะทำให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแน่นอน ทันทีที่นายกฯมาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่นำผ้าขาวม้าและดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้กำลังใจ พิธีกรบนเวทีได้ถามชาวมหาสารคาม ว่า “เอาเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่” ประชาชนต่างตะโกนตอบว่า “เอา” รวมถึงมีประชาชนตะโกนว่า รักนายกฯเศรษฐาๆ
ยันเงินหมื่นดิจิทัลไตรมาส 4 ได้แน่
นายเศรษฐาขึ้นเวทีกล่าวกับประชาชนว่า จำได้ หรือไม่ว่าเดือนนี้เมื่อปีที่แล้วมาหาเสียงที่นี่ ยังจำได้ว่ามีพายุฝนตกใหญ่ จำรอยยิ้มได้ ยังประทับใจในรอยยิ้ม ความตั้งใจจริงของพี่น้อง แม้เป็นหน้าร้อนอุตส่าห์ตรากตรำมาต้อนรับตน รัฐมนตรี สส.ภาคอีสานและ สส.บัญชีรายชื่อทุกท่านภูมิใจ เป็นเกียรติและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ปัญหาใหญ่ข้างหน้าของรัฐบาลนี้มีเยอะ เรื่องดีๆเชื่อว่าท่านทราบอยู่แล้ว รัฐบาลทำอะไรอยู่บ้าง ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวกัน เงินดิจิทัลไม่ต้องห่วงไตรมาส 4 มาแน่นอน ปัญหาที่พวกท่านทั้งหลายยังกังวลใจทั้งหนี้สิน ยาเสพติดและภัยแล้งกำลังถูกแก้ไขเป็นวาระแห่งชาติทั้ง 3 เรื่อง จึงขอให้มั่นใจรัฐบาลเดินหน้าช่วยเหลือประชาชน ได้ในทุกมิติ
ลุยพัฒนาน้ำ-ข้าวทุ่งกุลาร้องไห้
ต่อมาเวลา 14.10 น. นายกฯและคณะไปที่วัดกู่พระโกนา ต.สระคู อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มีส่วนราชการ ประชาชน สส.ร้อยเอ็ด พรรค พท.รวมถึงนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท.ต้อนรับ เพื่อรับฟังปัญหาและติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำเขตทุ่งกุลาร้องไห้ และรับฟังแผนการพัฒนา รพ.สุวรรณภูมิ อาทิ เสนอพิจารณางบฯจัดซื้อครุภัณฑ์ อาทิ ด้านจักษุแพทย์ เพิ่มเตียง 200 เตียง รองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและแก้ปัญหาบำบัดน้ำเสีย โดยนายกฯกล่าวว่า ได้กลับมา จ.ร้อยเอ็ด อีกครั้ง มาดู 2 เรื่องใหญ่ การบริหารจัดการน้ำ สั่งการให้กรม ชลประทานพิจารณาโครงการที่เสนอมาตามความเหมาะสม และดูผลกระทบประชาชน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำระยะยาวในโครงการที่อยู่นอกแผนกรมชลประทาน การพัฒนาที่ดินทุ่งกุลาร้องไห้ครอบคลุม 5 จังหวัดภาคอีสาน สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาคุณภาพ และส่งเสริมปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงแปรรูปเพิ่มรายได้และจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมพัฒนาเพื่อเพิ่มรายได้ พร้อมมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำแผนการตลาดขยายโอกาสขายทั่วโลก
ย้ำไม่เกิน ธ.ค.ได้แน่แจกเงินหมื่น
จากนั้นเวลา 16.00 น. นายเศรษฐาและคณะ ไปถึงวัดกลางอุดมเวทย์ ต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด นายกฯได้สักการะองค์พระมหาธาตุ วัด กลางอุดมเวทย์ กราบนมัสการพระครูอดุลจันทคุณ เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์และเจ้าคณะตำบลพนมไพร เขต 1 โดยพระครูอดุลจันทคุณมอบหนังสือประวัติองค์พระมหาธาตุ และมอบกรอบรูปภาพพระครูประโชติธรรมานุยุต (หลวงพ่อชาลี) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และมอบพระสมเด็จ 9 ชั้น แกะสลัก จากงาช้าง ให้นายกฯเป็นที่ระลึก และพระครูอดุลจันทคุณเชิญชวนนายกฯร่วมงานบุญบั้งไฟพนมไพรของ จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 20-22 มิ.ย.67 โดยนายกฯ ยิ้มตอบว่า “ครับ” โดยมีชาวบ้านพูดขึ้นว่า “หลวงพ่อบอกว่าอยากให้ท่านนายกฯมาเป็นเจ้าภาพบุญบั้งไฟล้าน” จากนั้นนายกฯเดินทักทายพบปะประชาชนที่ชูป้ายข้อความต่างๆ ต้อนรับ อาทิ 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต ความหวังคนไทยความหวังของเรา ใครอย่ามาขัดขวางความเจริญ รอเงินหมื่นดิจิทัล รักอุ๊งอิ๊งค์ รักษาฟรี รักนายกฯเศรษฐา รัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลของประชาชน และช่วงทักทายมีประชาชนถามนายกฯว่า “เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไหร่” โดยนายกฯตอบกลับว่า ไม่เกิน ธ.ค.นี้แน่นอน
ยิงมุกมี รมต.น้ำ เรื่องน้ำไร้ปัญหา
ต่อมาเวลา 16.30 น. นายเศรษฐาไปที่โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ต.พนมไพร อ.พนมไพร รับฟัง ปัญหาพบปะประชาชน ช่วงท้ายของเวทีเพื่อไทยพบประชาชนที่มี น.ส.แพทองธาร และ สส.พรรค พท.ปราศรัยอยู่ก่อน บรรยากาศคึกคักถือป้ายเชียร์หลากหลายข้อความพร้อมคล้องพวงมาลัย ผ้าขาวม้าให้กำลังใจนายกฯ ช่วงหนึ่งนายกฯได้อุ้มเด็กชายที่มารอต้อนรับอย่างอารมณ์ดี แล้วขึ้นเวที ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่น ขอบคุณชาวร้อยเอ็ดทุกคนที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้ามารับใช้ ขอบคุณ สส.ที่มีส่วนผลักดันให้เราเป็นรัฐบาล ขอแสดงความยินดีด้วยที่ผลักดันจนมีรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของ จ.ร้อยเอ็ด วันนี้ไม่ได้มาแค่โชว์ตัวรัฐมนตรี แต่มีนโยบายดีๆให้ มายืนยันกับพี่น้องว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตสิ้นปีนี้พี่น้องจะได้ ส่วนระบบชลประทาน การแก้ปัญหาภัยแล้งรัฐบาลต้องดูแลให้มีน้ำใช้อย่างสมบูรณ์และทำการเกษตร วันนี้มีรัฐมนตรีชื่อ “น้ำ” แล้ว ฉะนั้นเรื่องน้ำไม่มีปัญหา
“แพทองธาร” ลุยพื้นที่คู่ขนาน
อีกด้าน เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม สส.บัญชีรายชื่อ สส. ภาคอีสานจังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เปิดเวทีพรรค พท.พบประชาชนที่ศูนย์ประสานงานพรรค อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยไม่แจ้งกำหนดการลงพื้นที่ครั้งนี้ให้สื่อมวลชนทราบ เปิดเวทีคู่ขนานกับการลงพื้นที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมช่วยเปิดตัวนายพลพัฒน์ จรัสเสถียร น้องชายนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกฯ เป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย
เปิดตัว “น้องชายโจ้” ชิงนายก อบจ.
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาพบประชาชน ก่อนหน้านี้ลงพื้นที่หาเสียงสมัยท้องโต วันนี้เป็นโอกาสดีได้มาเจอกับพี่น้องประชาชน อีกทั้งจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ปีหน้าอยากบอกว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นหัวใจประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงขอเปิดตัว นายพลพัฒน์ จรัสเสถียร ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. มหาสารคาม เป็นน้องชายนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร แม้จะเป็นหน้าใหม่ยังหนุ่มแน่น แต่ประสบการณ์การเมืองไม่ใหม่ อยู่เบื้องหลังการทำงานของพรรคเพื่อไทยกับนายยุทธพงศ์ จากนั้น น.ส.แพทองธารถามประชาชนว่าเคยเห็นหน้านายพลพัฒน์หรือไม่ ชาวบ้านตอบว่า เคยเจอ น.ส.แพทองธาร จึงบอกว่า แสดงว่าลงพื้นที่เจอพี่น้องจริงๆ รู้สึกดีใจที่จะมาช่วยดันนโยบายรัฐบาล
กำชับเข้มกวาดล้างยาเสพติด
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอฝากนายพลพัฒน์ไว้ในอ้อมใจ นายพลพัฒน์เหมาะสมเป็นตัวแทนประชาชน พรรคเพื่อไทยส่งให้มาดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องรายได้ ยาเสพติด ล่าสุดวันที่ 3 พ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดว่ายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติไม่ต้องดูว่ายาบ้ากี่เม็ด ไม่ว่ากี่เม็ดใครมียาบ้าอยู่ในครอบครอง 1 เม็ดก็จับหมด คนเสพยาเราจะเอามาดูว่าเป็นผู้ป่วยหรือไม่ ถ้าใช่ต้องเอามารักษา แล้วคืนเขาสู่ครอบครัว ตนเป็นแม่มองเห็นอนาคตลูกหลานอยากให้ลูกหลานห่างไกลยาเสพติด แต่เมื่อผิดพลาดไปแล้วก็อยากให้ได้รักษาเพื่อให้กลับมาเป็นแรงสำคัญทำให้ครอบครัวแข็งแรง เศรษฐกิจนโยบายจะดีแค่ไหน หากยาเสพติดยังเกลื่อนเมือง ประเทศก็ไม่พัฒนา เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบ รัฐบาลรับทราบ พรรคเพื่อไทยพร้อมพัฒนานโยบายนี้ให้สำเร็จโดยด่วน จากนั้น น.ส.แพทองธารลงจากเวทีก่อนที่นายกฯ จะเดินทางมาถึง มารอทานอาหารกลางวันพร้อมกับนายกฯ ที่บ้านพักนายยุทธพงศ์
รับปากเงินหมื่นถึงมือปลายปีนี้
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.ขึ้นเวทีพรรคเพื่อไทยพบประชาชน จ.ร้อยเอ็ด โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากมาเยือนถิ่นชาวพนมไพร เห็นทุกคนมาพร้อมแบบสุดลูกหูลูกตา วันนี้มาทีมใหญ่เจอทุกคน อยากมาขอบคุณจากหัวใจ เพราะที่พนมไพร เราได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะที่สุดในประเทศ มากไปกว่านั้น น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด ยังได้คะแนนมากที่สุดด้วย เชื่อว่าพรรคจะผลักดันนโยบายต่างๆได้ เรามีประวัติมายาวนาน จากพ่อใหญ่ทักษิณสู่แพทองธาร จากครูนิสิตสู่ “น้ำ จิราพร” และชญาภา สินธุไพร เหมือนเป็นครอบครัว เป็นบ้าน มาที่นี่อุ่นใจมากๆ ตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย เราพร้อมดูแลพี่น้องต่อไป เรารู้ปัญหาประชาชน ปวดหัวกับยาเสพติดบ้าง พรรคให้ความสำคัญมาก ถ้ายังไม่หมดไปเศรษฐกิจประเทศดียาก เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ยาเสพติดขายง่าย การติดยาเป็นภาระความลำบากของครอบครัว พรรค พท.เข้าใจ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯกล่าวไว้ว่าวาระนี้ต้องเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ พรรค พท.มาแล้ว ยาเสพติดต้องหมดไป ส่วนใครรอเงินดิจิทัลวอลเล็ต อยู่ปลายปีนี้เงินดิจิทัลจะออกมาแน่นอน ทำเต็มที่ อยากให้ความมั่นใจ เรื่องปากท้องสำคัญต่อพรรค พท. และรัฐบาลจะพยายามทำทุกนโยบายให้สำเร็จ ขณะนี้ราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้นหลายตัวแล้วและจะทำต่อแน่นอน
“รัชดา” ไล่ พท.อ่านบทความไอเอ็มเอฟ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต สส.กทม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรองโฆษกรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่ากรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในงานอีเวนต์ของพรรคเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า “ความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขอให้พรรคเพื่อไทย ไปอ่านบทความจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หัวข้อ “Strengthen Central Bank Independence to Protect the World Economy” เผยแพร่เมื่อ 21 มี.ค.2024 หรือ พ.ศ.2567 เรื่องความสำคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลาง #เพื่อไทย ควรหาโอกาสอ่านจะได้มีทัศนคติที่ถูกต้องในการบริหารประเทศ ปลอดอคติจากความเขลาต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเสียที บางส่วนที่น่าสนใจของบทความ 1.ผลสำรวจของ IMF ยืนยันความสำคัญ “ธนาคารกลางต้องมีความเป็นอิสระ” 2.ธนาคารกลางที่มีคะแนนความเป็นอิสระสูง ทำได้ดีในการควบคุมการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของประชาชน ซึ่งช่วยให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ 3.ความเป็นอิสระยังส่งผลต่อการสร้างเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว 4.รัฐบาลและธนาคารกลางต่างมีหน้าที่และบทบาทที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องหารือกัน ไม่ใช่แทรกแซงกัน เพื่อให้เกิดการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงานที่สำคัญลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน”
“ชัยชนะ” เหน็บ รบ.ดิ้นหาแพะรับบาป
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า รัฐบาลพรรค พท.บริหารมา 8 เดือนแล้ว ประชาชนคาดหวังว่า พท.เป็นพรรคแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ดิจิทัลวอลเล็ตที่อวดอ้างจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจถึง 4 ลูก แต่ความจริงทำให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ตามที่คาดหวัง กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง คนพรรค พท.พูดกล่อมประสาทประชาชนว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในขั้นวิกฤติจำเป็นต้องมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่เสี่ยงกระทำผิดกฎหมายรัฐบาลเข้าตาจน ไปยืมเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพราะขณะนี้รัฐบาลยังคงค้างหนี้ในโครงการจำนำข้าวอยู่อีก 2.4 แสนล้านบาท หากยิ่งก่อหนี้ทำนโยบายนี้ คาดว่าจะใช้งบฯ 1.7 แสนล้านบาท จะติดหนี้ ธ.ก.ส. 4.1 แสนล้านบาท ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ไม่นับเสียงคัดค้านจากทั่วสารทิศไม่เห็นด้วย เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย และยังมีนโยบายอื่นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า จึงขอให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนเสียใหม่ หากดันทุรังไปจนถึงปลายทางแล้ว พรรค พท.อาจได้รับคะแนนนิยมจนชนะการเลือกตั้งจริง แต่ทิ้งความเสียหายให้ประเทศจำนวนมาก ยิ่งเอาเงินจริงไปผูกกับความผันผวนในตลาดเงินดิจิทัลแล้ว เอาอนาคตประเทศไปแขวนอยู่กับเส้นด้ายที่บอบบางมาก
ลากผู้ว่าการ ธปท.ขวางลำแจกเงินดิจิทัล
“ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา ดิจิทัลวอลเล็ตคืบหน้าในการหาแพะรับบาป แพะตัวแรกที่สังเวยไปแล้วคือกฤษฎีกา เมื่อมีความเห็นทางกฎหมายว่าต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กลายเป็นว่ามวลชนที่สนับสนุนออกมาโจมตีกฤษฎีกา ต่อมามีแนวคิดใช้เวทีรัฐสภาออก พ.ร.บ.รู้ทันทีว่ารัฐบาลจะโยนบาปให้ สส.ที่ไม่เห็นด้วยและลงมติไม่เห็นชอบเป็นข้ออ้างให้ประชาชนโกรธแค้น กลายเป็นแพะรับบาปในสายตาประชาชน ล่าสุดพรรค พท.เล่นใหญ่ระบุว่า ธปท.หรือแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคในการทำงาน พยายามทำให้ประชาชนเข้าใจว่า ธปท.เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบายนี้ จะกลายเป็นแพะรับบาปอีกรายหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ ผู้ว่าการ ธปท.ไม่ราบรื่นนัก ฉะนั้นการนำโครงการคนละครึ่งที่ชาวบ้านใช้และเข้าใจแล้ว และมีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” อยู่แล้ว มาปรับให้เหมาะสม เพราะชาวบ้านยืนยันแล้วว่าโครงการคนละครึ่งสร้างกำลังซื้อให้คึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ส่วนข้อบกพร่องที่เจ้าของร้านค้าเกรงว่าต้องเสียภาษีเพิ่มเติม รัฐบาลต้องหามาตรการจูงใจให้คลายกังวล เพื่อให้เจ้าของร้านค้ามาร่วมโครงการให้ได้มากกว่าการคิดโครงการหวือหวาให้คนมาลงคะแนนเสียง แต่เสี่ยงผิดกฎหมายและข้อปฏิบัติ” นายชัยชนะกล่าว
คนไม่เชื่อได้ รธน.ใหม่การเมืองดีขึ้น
วันเดียวกัน “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ...เอาไงดี?” ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.ถึง 1 พ.ค.67 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง เมื่อถามถึงความคิดเห็นเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ร้อยละ 50.07 ระบุว่าเห็นชอบ ร้อยละ 29.24 ไม่เห็นชอบ ร้อยละ 12.37 ไม่ไปลงคะแนน และร้อยละ 8.32 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ด้านความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสำเร็จภายในระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของ สส.ชุดปัจจุบัน ร้อยละ 46.03 ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 31.37 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 12.67 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 6.80 เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 3.13 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้การเมืองไทยดีขึ้น ร้อยละ 37.95 ระบุไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 26.03 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 19.31 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 15.11 เชื่อมั่นมาก และร้อยละ 1.60 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
นัดถกวิป 3 ฝ่ายเคาะเปิดสภาวิสามัญ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 5-7 มิ.ย.มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2568 วาระแรก ตามปฏิทินสำนักงบประมาณเนื่องจากงบฯปี 67 ล่าช้าและเป็นงบฯจากรัฐบาลชุดที่แล้ว จึงทำได้แค่นำมาตัดปรับลดลง แต่งบฯปีนี้เป็นของรัฐบาลจึงเป็นงบประมาณที่ถูกเป้าหมาย และความต้องการประชาชนมากขึ้น ทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่ผ่านมา เบื้องต้น ครม.ประสานนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ เพื่อประชุมร่วมวิปสามฝ่ายภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจัดสรรกรอบเวลาอภิปราย ส่วนวันและเวลายังไม่ได้กำหนด แต่พยายามบอกฝ่ายค้านเพื่อให้ไปเตรียมข้อมูลอภิปรายตามเวลาที่ถูกจัดสรร ส่วนรัฐบาลให้สส.ไปเตรียมตัวศึกษาว่าควรอภิปรายสนับสนุนส่วนไหนบ้าง
ก.ก.อาสากระทุ้ง รบ.ย้ายกากสารเคมี
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่วัดหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมสส.ระยอง พรรค ก.ก.ทั้ง 5 คน จัดกิจกรรม “Mini Town Hall Meeting@หนองพะวา” เปิดให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากกรณีเพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส ร่วมสะท้อนปัญหา ความต้องการ แนวทางการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยพรรค ก.ก.จะนำปัญหาที่ได้รับฟังไปเร่งจัดทำข้อสรุป เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ต่อไป โดย น.ส.ผ่องพรรณ เจริญรมย์ กำนัน ต.บางบุตร พร้อมแกนนำชาวบ้าน ได้ยื่นหนังสือผ่านนายพิธาให้ไปเร่งรัดรัฐบาลจัดการปัญหาผลกระทบจากโรงงานดังกล่าวโดยเร็ว โดยเฉพาะเร่งขนกากสารเคมีออกไปจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด หลังเกิดเหตุไฟไหม้ผ่านไป 2 สัปดาห์ ยังไม่มีการขนย้ายสารเคมี
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่