“สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” นำทีมลูกพรรคประชุมใหญ่สามัญประจำปี เคาะเปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคชาติพัฒนา” ตามเดิม พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้เล็กน้อย ด้าน สส.แจ้ สมัครเข้าซบพรรควันแรก ถูกวางตัวเป็น รองหัวหน้าพรรคทันควัน ชี้เหตุนายกฯ ปรับ ครม. 7-8 เดือน คงจะเห็นแล้วว่า จุดแข็งอยู่ที่ไหน ยินดี ครม.สัญจร มาโคราช

 

วันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ห้องประชุมสัมมนาลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้าเปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า  นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รองหัวหน้าพรรคฯ สส.บัญชีรายชื่อ นายประสาท ตันประเสริฐ เลขาธิการพรรคฯ สส.นครสวรรค์ และ “วิว” เยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคฯ นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และประธานสาขาพรรคฯ และสมาชิกพรรคฯ จากทั่วประเทศ อาทิ จ.นครราชสีมา, จ.นครสวรรค์, จ.นครปฐม, จ.สิงห์บุรี, จ.ลำปาง เป็นต้น รวมกว่า 250 คน โดยที่ประชุมเป็นไปตามระเบียบวาระ อาทิ ประธานแจ้งที่ประชุม รับรองรายงานการประชุม การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง ผลการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฯ โดยมีวาระที่น่าสนใจและเป็นเรื่องสำคัญคือ การได้มาซึ่ง สส.ปราจีนบุรี จากพรรคก้าวไกลมาสมัคร และการเปลี่ยนชื่อพรรคชาติพัฒนากล้า กลับมาเป็นพรรคชาติพัฒนา ตามเดิม ส่วนโลโก้พรรคจะมีการเติมหางขึ้นเล็กน้อย

...


ด้านนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล หรือ สส.แจ้ ได้สมัครมาเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พรรคชาติพัฒนามี สส. เพิ่มขึ้นอีก 1 ที่นั่ง รวมเป็น 3 ที่นั่ง ประกอบด้วย นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รองหัวหน้าพรรคฯ สส.บัญชีรายชื่อ, นายประสาท ตันประเสริฐ เลขาธิการพรรคฯ สส.นครสวรรค์ และ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี เขต 2 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า ตอนนี้มีการเปลี่ยนชื่อจากพรรคชาติพัฒนากล้ากลับมาเป็นพรรคชาติพัฒนาตามเดิม และปัจจุบันพรรคชาติพัฒนามี สส.ทั้งหมด 3 คน โดย สส.แจ้ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เดิมทีสังกัดพรรคก้าวไกล มาสังกัดพรรคชาติพัฒนา พื้นฐานเป็นวิศวกรมีความรู้และเป็นคนเก่ง เป็นคนหนุ่มที่มาเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคชาติพัฒนาเป็นอย่างดียิ่ง แม้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล แต่เที่ยวนี้เราได้ สส.น้อยจึงไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีตำแหน่งอื่นๆ ในรัฐบาลที่เราสามารถเข้าไปช่วยทำงานได้ เช่น หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และนายวัชรพล โตมรศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และนายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรคชาติพัฒนา ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 

นายสุวัจน์ฯ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนามีการแต่งตั้ง 2 ตำแหน่งคือ สส.วุฒิพงศ์ ทองเหลา ที่ประชุมมติมติให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และ นายอรัญ พันธุมจินดา เดิมเป็นรองเลขาธิการพรรคฯ เลื่อนขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ และเรื่องที่ 3 มีความสำคัญมากๆ ที่มีการหารือเรื่องความเหมาะสมของชื่อพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมติสมาชิกพรรคทุกภาค ได้เห็นตรงกันว่าให้กลับมาใช้ชื่อพรรคชาติพัฒนาตามเดิม โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน และต้องไปแก้ไขข้อบังคับพรรคต่อไป ส่วนโลโก้พรรคก็จะเหมือนเดิม แต่จะปรับเล็กน้อยในตัวโลโก้  

ผู้สื่อข่าวถามถึงจะมี ครม.สัญจรที่ จ.นครราชสีมา ช่วงเดือน พฤษภาคม หรือ มิถุนายนนี้ว่า พรรคชาติพัฒนาก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรี หรือ ครม.จะมาประชุม ครม.สัญจรที่โคราชตนเชื่อว่าเป็นข่าวดี พี่น้องประชาชนชาวโคราชก็คอยต้อนรับ และคงจะมีข่าวดีๆ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่โคราช เพราะนายกรัฐมนตรีก็มาโคราชแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมาและได้สัมผัสปัญหาไปแล้วหลายๆ เรื่อง ฉะนั้นพรรคชาติพัฒนาก็ยินดีต้อนรับและยินดีที่จะสนับสนุน และถ้าเกิดมีนโยบายอะไรดีๆ ก็จะได้มีโอกาสนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามที่นายกฯ จะเห็นเหมาะสม เพราะว่าเราไม่ได้มีรัฐมนตรีอยู่ในคณะรัฐบาล ฉะนั้นถ้านายกรัฐมนตรีจะมาประชุมที่โคราชตนว่าก็คงจะมีโครงการดีๆ เกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา ตอนนี้เราก็คือพรรคชาติพัฒนาแล้ว

นอกจากนี้ นายสุวัจน์ กล่าวถึงเรื่องการปรับ ครม.ว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะปรับเมื่อไหร่ แต่ว่าระยะเวลาของสภา 1 ปีแล้วเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมถ้านายกรัฐมนตรีจะเห็นว่าการปรับ ครม. จะทำให้การทำงานในการพัฒนาประเทศหรือการแก้ไขปัญหาของประชาชนดีขึ้น เพราะถ้าปรับ ครม.แล้วตนเชื่อความคาดหวังอย่างหนึ่งของประชาชนเมื่อมีการปรับ ครม.ประชาชนก็ต้องคิดว่าปรับแล้วดีขึ้น ได้คนเก่ง ได้คนที่ดีขึ้น การทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น ฉะนั้นถ้าจะมีการปรับ ครม.ก็คงเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี และประชาชนคาดหวังว่าการทำงานดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และการเปลี่ยนชื่อพรรคชาติพัฒนาวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการปรับ ครม. ส่วนที่นายกรัฐมนตรีจะไม่ควบ รมว.คลัง อันนี้ตนไม่ทราบ แต่ก็ทราบจากเท่าที่เป็นข่าว ตนว่าผ่านมา 7-8 เดือนคงจะเห็นแล้วว่า จุดแข็งอยู่ที่ไหน และก็เห็นว่าจุดอ่อนอยู่ที่ไหน จะไปแก้จุดอ่อนอย่างไร จะไปเติมจุดอ่อนอย่างไร คงเป็นอย่างนั้น