คดีการถือหุ้นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ คงจะไม่จบลงแค่พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคม ลาออกจาก สส. และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เพราะมีผู้ยื่นคำร้อง ป.ป.ช. ให้ไต่สวนนายศักดิ์สยาม ในข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน จริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจโดนข้อหา ใช้อำนาจแสวงประโยชน์มิชอบ
เลขาธิการ กกต.ชี้แจงว่า มีผู้ร้องให้ตรวจสอบข้อกล่าวหาพรรคภูมิใจไทย รับบริจาคเงิน โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ถ้าเลขาธิการ กกต.เห็นด้วย จะส่งเรื่อง ป.ป.ช.ดำเนินการตามกระบวนการยุบพรรคต่อไป
ส่วนการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม เป็นคำร้องของนักร้องเจ้าประจำ นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นให้ ป.ป.ช.ไต่สวน ถ้าเห็นด้วย ป.ป.ช.จะเสนอเรื่องต่อศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสมัครรับเลือกตั้ง ห้ามสมัคร สส.และตำแหน่งอื่นๆ และห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองใดๆ
แต่ยังมีปัญหาสำคัญอีกอย่างที่ประชาชนยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน นั่นก็คือ นับแต่นายศักดิ์สยามเป็นรัฐมนตรีคมนาคม กระทรวงคมนาคมได้ให้สัมปทานโครงการก่อสร้างถนนให้ห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นของนายศักดิ์สยามเอง แต่ให้นอมินีดำเนินการแทนมากน้อยแค่ไหน
มีรายงานข่าวต่างสื่อมวลชน ระบุว่าในช่วงที่นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2561–2565 ห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญฯได้งาน 47 โครงการ มูลค่า 1,088 ล้านบาท เฉพาะปี 2565 ได้ไป 24 โครงการ เป็นเงิน 495.56 ล้านบาท ถ้ารายงานข่าวนี้เป็นความจริง ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่
วิธีการที่กล่าวมาข้างต้น เคยเป็นวิธีการยอดนิยมของการเมืองไทย ในยุคที่เรียกว่า “ธุรกิจการเมือง” เมื่อนัก การเมืองเข้าสู่การเมือง สมัคร สจ.หรือ สส.มากขึ้น เริ่มต้นด้วยการทุ่มเงินซื้อเสียง เพื่อเป็น สส.เป็นรัฐมนตรีผู้มีอำนาจเพื่อจัดทำโครงการ จัดสรรงบประมาณ กลายเป็นการทุจริตแบบ “ผลประโยชน์ทับซ้อน”
...
ขณะนี้ยังไม่มีใครร้องเรียนเรื่องธุรกิจการเมือง จึงขอเรียกร้องพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันตรวจสอบ และทำความจริงให้ปรากฏ ต้องถือว่าเป็นโอกาสอันดีของทั้ง 2 พรรค จะได้แสดงความสามารถในการตรวจสอบ เป็นโอกาสที่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะพิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายค้านจริง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อถือ.
คลิกอ่านคอลัมน์ "บทบรรณาธิการ" เพิ่มเติม